เมื่อเวลา 17.15 น. วันที่ 26 สิงหาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.กาย อายุ 30 ปี เจ้าของร้านซิงค์คอฟฟี่ แอนด์ บิสโตร พัทยา ได้นำภาพวงจรปิดประกาศจับคนร้าย พร้อมตั้งรางวัลนำจับให้คนแจ้งเบาะแสจนไปสู่การจับกุมเป็นเงินสด 10,000 บาท หลังโดนบุกเข้าไปลักขโมยทรัพย์สิน โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง เงินสด 2,000 บาท และไมค์ไร้สายไว้สำหรับทำคอนเทนท์ 1 ชุด เหตุเกิดขึ้นเวลาประมาณ 04.20 น. เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ที่ผ่านมา
น.ส.กาย เจ้าของร้าน เปิดเผยว่า เช้าวันเกิดเหตุเธอได้รับแจ้งจากพนักงานว่าขณะเตรียมเปิดร้านให้บริการลูกค้าตามปกติ พบว่ามือถือประจำร้าน และเงินทอนในลิ้นชักเก็บเงิน และไมค์ไร้สายที่เพิ่งซื้อมาได้เพียงวันเดียวที่วางไว้ใกล้กับเคาน์เตอร์ สูญหายไป เธอจึงเปิดภาพวงจรปิดตรวจสอบดูปรากฏว่าคืนเกิดเหตุ ได้มีคนร้ายเป็นชายไทยวัยรุ่นสวมชุดดำ สะพายกระเป๋า มีแว่นตาคาดบนศีรษะ แขนทั้งสองข้างมีรอยสัก กำลังเข็นรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า สกูปปี้ไอ สีฟ้า-ชมพู ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ย้อนศรขึ้นมาบนทางเท้า
ก่อนจะมาจอดนั่งพักที่บริเวณป้ายหน้าร้าน ถัดมาไม่ถึง 5 นาที คนร้ายคงนึกปิ๊งไอเดีย หันหลังกลับแล้วบุกเข้ามาในร้าน โดยงัดกระจกเข้าทางห้องครัว เดินทะลุเข้ามาในตัวร้าน หยิบมือถือของร้านเปิดไฟฉายส่องหากุญแจไขลิ้นชักลักเงินสดไปเกลี้ยง พร้อมเปิดน้ำอัดลมดื่มดับกระหาย แล้วปีนออกทางเดิม ซึ่งถือว่าคนร้ายมีความเป็นมืออาชีพ เพราะว่าไม่มีการรื้อค้นข้าวของ ประตูล็อคทุกบาน เหมือนปกติทุกอย่าง ก่อนจะเข็นรถที่คาดว่าเสียระหว่างขับกลางทางหนีไป มุ่งหน้าไปทางพัทยาเหนือ
ถึงแม้ทรัพย์สินที่ได้ไปจะไม่ได้มากอะไร แต่เธอรู้สึกคับแค้นใจเนื่องจากมาก่อเหตุ หลังจากที่เธอและครอบครัวนิมนต์พระ ทำบุญบ้านได้เพียงวันเดียวก็ดันเจอโจรเข้าไปลักทรัพย์ อีกทั้งร้านที่โดนก่อเหตุ อยู่ห่างจาก สถานีตำรวจภูธรบางละมุง ไม่ถึง 200 เมตร ซึ่งถือว่าเป็นการก่อเหตุสุดเหิมเกริมล้วงคอตำรวจพื้นที่เป็นอย่างมาก และอยากวิงวอนให้ตำรวจตามจับคนร้ายให้ได้โดยเร็ว เนื่องจากภาพกล้องวงจรปิดจับภาพคนร้ายชัดมาก
เบื้องต้น พ.ต.ท.กรณ์พงษ์ สุขวิสิฏฐ์ รอง ผกก.สส.สภ.บางละมุง ได้สั่งการชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิด โดยข้อมูลล่าสุดพบว่ามีคน ซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นเพื่อนคนร้าย หรือพลเมืองดี ช่วยเหลือถีบยันรถคนร้ายที่เสียพากันมุ่งหน้าไปทางพัทยาใต้ ซึ่งเชื่อว่าน่าจะจับกุมตัวคนร้ายได้ในเร็วๆนี้