ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ว่า ตามที่ประเทศไทยได้สั่งซื้อวัคซีนซิโนแวค จำนวน 12 ล้านโดส กำหนดจะส่งมาในเดือนกันยายน 2564 จำนวน 9 ล้านโดส เดือนตุลาคม อีก 3 ล้านโดส ซึ่งประเทศไทยได้ปรับสูตรฉีดวัคซีนเป็นสูตร SA คือ เข็มที่ 1 ซิโนแวค เข็มที่ 2 แอสตราเซนเนกา เพื่อร่นเวลาการรับเข็มที่ 2 ให้เร็วขึ้น ภายใน 3-4 สัปดาห์ ดังนั้น คาดว่าสิ้นเดือนตุลาคมนี้ จะต้องฉีดซิโนแวคเป็นเข็มที่ 1 ให้หมด และอีกไม่เกิน 8 สัปดาห์ ก็จะได้รับเข็มที่ 2 ครบถ้วน และประชาชนที่ฉีดสูตรนี้ภูมิต้านทานที่ได้รับจะเท่ากับการฉีดเแอสตราเซเนกา 2 เข็ม
ส่วนข้อกังวลของอาจารย์แพทย์ในการฉีดวัคซีนชนิด mRNA ให้กับเด็กที่มีอายุ 12-17 ปี นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกอย่างจะต้องมีการสรุปในทางการแพทย์ จะต้องผ่านการพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว จึงนำมาใช้กับประชาชนได้ ส่วนกรณีผู้ปกครองที่อยากให้ลูกฉีดเป็นชนิดเชื้อตาย ขณะนี้ยังไม่สามารถทำได้ เนื่องจากบริษัทผู้ผลิต ยังไม่ได้ปรับทะเบียนการใช้วัคซีนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. แม้แต่ในประเทศเขาเองก็ยังไม่ได้ปรับเช่นกัน ดังนั้น การฉีดวัคซีนที่นอกเหนือจากการจดทะเบียนจะต้องไปยื่นเอกสารขออนุญาตเพิ่มเติมจาก อย.ฃ
สำหรับการฉีดวัคซีนใต้ผิวหนังที่ได้เริ่มฉีดใน จังหวัดภูเก็ต หากโรงพยาบาลอื่นจะทดลองกับประชาชนได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นแนวทางทางการแพทย์ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ แต่ในระดับนโยบายก็ต้องจัดหาวัคซีนให้เพียงพอ ส่วนการจะฉีดอย่างไร เป็นเรื่องของการแพทย์ที่ทำกันอยู่แล้ว อีกทั้งอย่าใช้คำว่าทดลอง เพราะก่อนจะนำมาใช้กับประชาชนทั่วไป ก็จะต้องมีหลักวิชาการทางการแพทย์รองรับอยู่ จะมาทดลองกับประชาชนไม่ได้
นายอนุทิน เชื่อว่าโดยภาพรวมประเทศไทยจะฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึงอย่างช้าที่สุดคือ ต้นเดือนพฤศจิกายน 2564 ซึ่งย้ำว่าวัคซีนมีเพียงพอ กระทรวงจัดหามาเรียบร้อย ขณะนี้เหลือเพียงวิธีกระจายและฉีดวัคซีน ต้องนั่งไล่จี้คนที่นำไปใช้กับประชาชนทั่วไป เพราะเมื่อมีวัคซีนเข้ามา ทางกรมควบคุมโรคก็ไม่ได้เก็บไว้ เมื่อผ่านการตรวจสอบรุ่นการผลิตจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์แล้ว ก็กระจายออกไปตามแผนทันที