เอาแล้ว พปชร.สวบคืน “เรืองไกร” เด็กบ้านป่าฯ จี้กกต.สอบ “อุ๊งอิ๊ง” พ้นนายกฯ

“เรืองไกร” ส่งEMSด่วน! จี้ กกต. สอบ “แพทองธาร” กางหลักฐานส่อหลุดเก้าอี้นายกฯ จับตาหมัดนี้ของ “บิ๊กป้อม” สวนกลับทันที หลังเพื่อไทยถีบส่ง พปชร.ไม่ให้ร่วมรัฐบาล

เอาแล้ว พปชร.สวบคืน “เรืองไกร” เด็กบ้านป่าฯ จี้กกต.สอบ “อุ๊งอิ๊ง” พ้นนายกฯ Top News รายงาน

 

 

เรียกว่าตัดขาดแบบไม่ต้องเห็นหัวกันแล้ว สำหรับพรรคเพื่อไทย เมื่อ สส.มีมติเห็นชอบ ไม่เอาพรรคพลังประชารัฐ ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ร่วมรัฐบาลอุ๊งอิ๊ง นั่นหมายความว่า เพื่อไทยเลือกแตกหักกับบิ๊กป้อมอย่างไม่แยแส แต่เลือกที่จะเก็บ สส.กลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ตามด้วยการเอากลุ่ม สส.พรรคประชาธิปัตย์เข้าเสียบ ปรากฎการณ์ถีบส่งพลังประชารัฐครั้งนี้ ถือเป็นการริดรอนอำนาจลุงป้อมได้อย่างเบ็ดเสร็จ โดยส่งผลให้พี่ใหญ่จากบูรพาพยัคฆ์ ที่เคยเรืองอำนาจ กลายเป็นเสือแก่ที่สิ้นลายทันที

 

 

ถ้าเป็นแบบนี้ก็ไม่ต้องเกรงใจกันแล้ว เพราะไม่ทันข้ามวัน บิ๊กป้อม เปิดหน้าชก สวนหมัดกลับทันที เมื่อนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เด็กสายตรงบิ๊กป้อม ได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ด่วนพิเศษ หรือ อีเอ็มเอส เพื่อขอให้ กกต. ตรวจสอบ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่าได้มีหนังสือลาออกจากกรรมการบริษัทต่างๆ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ที่ผ่านมา จริงหรือไม่ และกรณีดังกล่าวจะเข้าข่ายเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 (5) ประกอบมาตรา 187 หรือไม่ โดยมีเนื้อหาในหนังสือเป็นข้อๆ ดังนี้

ข้อ 1. เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 67 เว็บไซต์สำนักข่าวอิศรา หัวข้อ ‘แพทองธาร’ ลาออกกรรมการธุรกิจเกลี้ยง 21 บริษัท ‘อัลไพน์’ ด้วย หลัง ‘เศรษฐา’ พ้นวันเดียว ลงข่าวพร้อมภาพ โดยมีข้อความข่าวบางส่วน ดังนี้
“นายกฯ ‘อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร’ ลาออกกรรมการธุรกิจเครือชินวัตรเกลี้ยง 21 บริษัท มีสนามกอล์ฟอัลไพน์ด้วย พบทำหนังสือมอบอำนาจ 15 ส.ค.67 ส่งลูกน้องยื่นจดทะเบียนกรมพัฒนาฯ 19 ส.ค. หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ‘เศรษฐา ทวีสิน’ พ้นตำแหน่ง คดีตั้ง‘พิชิต’ 14 ส.ค. เพียงวันเดียว

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หรือ ‘อุ๊งอิ๊ง’ ซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 67 และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย บุตรสาวคนเล็กของนายทักษิณ และคุณหญิงพจมาน นักธุรกิจผู้มั่งคั่งของเมืองไทย ปูมหลังทางธุรกิจ เป็นกรรมการบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศไทย จำนวน 23 บริษัท ในจำนวนนี้เลิกดำเนินการ 2 บริษัท ยังเปิดดำเนินการ 21 แห่ง มูลค่าการถือหุ้นเกือบหมื่นล้านบาท ตามที่สำนักข่าวอิศรา รายงานก่อนหน้านี้

ข่าวที่น่าสนใจ

ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบว่า บริษัทดังกล่าวได้มอบอำนาจให้บุคคลอย่างน้อย 3 คน ยื่นจดทะเบียนลาออกจากกรรมการ ของนางสาวแพรทองธาร ทั้ง 21 แห่งแล้ว ตัวอย่างดังนี้…”

 

 

ข้อ 2.จากตัวอย่างภาพ เป็นเอกสารของ 4 บริษัท ที่สำนักข่าวอิศราแนบมาในข่าว มีข้อควรสังเกต คือ คำขอจดทะเบียนบริษัท ลงรับวันที่ 19 สิงหาคม 67 แต่มีข้อความในท้ายของแบบว่า “ขอรับรองว่า ผู้ขอจดทะเบียนได้ลงลายมือชื่อต่อหน้าข้าพเจ้าจริง เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 67 ลงชื่อ สมาชิกวิสามัญแห่งเนติบัณฑิตยสภา” และคำขอดังกล่าว ลงนามโดย นางสาวพินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ และนายอุดมศักดิ์ โง้วศิริ ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจ คำรับรองการจดทะเบียนบริษัท ลงวันที่ 19 สิงหาคม 67 (2) ระบุว่า “ได้มีหนังสือลาออกจากตำแหน่งกรรมการของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ลงวันที่ 15 สิงหาคม 67 โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 67 บริษัทได้รับเมื่อ 15 สิงหาคม 67หนังสือมอบอำนาจของบริษัท ลงวันที่ 15 สิงหาคม 67 แต่ไปเสียค่าอากรในวันที่ 19 สิงหาคม 67

ข้อ 3.จากเฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทย วันที่ 15 สิงหาคม 67 เวลา 17.30 น. ระบุว่า “พรรคเพื่อไทยมีมติเสนอชื่อ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของประเทศไทย เพราะปากท้องประชาชนรอไม่ได้ พร้อมเดินหน้าสานต่อนโยบายที่ให้ไว้กับประชาชน”

ข้อ 4.จากข่าวของสำนักข่าวอิศรา และเฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทย กรณีจึงมีเหตุอันควรสงสัยว่า นางสาวแพทองธาร ลาออกจากกรรมการบริษัทต่างๆ ในวันที่ 15 สิงหาคม 67 จริงหรือไม่ และถ้ามีการมอบอำนาจลงวันที่ 15 สิงหาคม 67 เหตุใดจึงไม่ไปจดทะเบียนในวันที่ 16 สิงหาคม 67 ซึ่งเป็นวันศุกร์ และทำไม จึงไปจดทะเบียนในวันที่ 19 สิงหาคม 67 ซึ่งห่างกันอีก 4 วัน กรณีจึงมีเหตุอันควรสงสัย ทั้งนี้ เทียบเคียงจากกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร ผู้ถูกร้องที่ 1. ในฐานะนายกรัฐมมนตรี เคยโต้แย้ง กรรมการ ป.ป.ช. ไว้ในคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 20/2544

ข้อ 5. ตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 20/2544 นายทักษิณ ชินวัตร ผู้ถูกร้องที่ 1. ในฐานะนายกรัฐมมนตรี ได้โต้แย้งไว้ในข้อ 3.3 ดังนี้

 

 

“มติของผู้ร้องที่ว่า ผู้ถูกร้องจงใจยื่นบัญชีฯ ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริง ที่ควรแจ้งให้ทราบ เป็นมติที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะมีบุคคลที่พ้นจากตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช. แล้ว เข้าร่วมประชุมและมีมติด้วย คือ คุณหญิงปรียาฯ ซึ่งกระทำการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 297 วรรคสาม ประกอบกับมาตรา 258 วรรคสอง และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 11 วรรคสอง ประกอบกับมาตรา 11 วรรคหนึ่ง (3) โดยดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัท วงศ์อมร จำกัด กรรมการและลูกจ้างทำบัญชีของบริษัท เกษมวนารมย์ จำกัด และยังคงดำรงตำแหน่งและเป็นลูกจ้างอยู่ ในวันที่ได้รับเลือก และหลังวันที่โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นกรรมการ ป.ป.ช. ตลอดมา จนถึงวันที่ลาออกจากกรรมการ ป.ป.ช. สำหรับตำแหน่งเป็นกรรมการบริษัท วงศ์อมรฯ ก็เพิ่งจะลาออกเมื่อวันที่ 8 มกราคม 44 โดยอ้างเหตุว่า ลืมลาออก การดำรงตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช. ของคุณหญิงปรียาฯ จึงไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญฯ และผู้ร้องก็รู้เหตุที่คุณหญิงปรียาฯ ต้องพ้นจากตำแหน่ง ก่อนที่ผู้ร้องจะมีมติกรณีของผู้ร้อง ในวันที่ 26 ธันวาคม 43 เพราะในวันดังกล่าว มีประชาชนยื่นหนังสือต่อประธานกรรมการ ป.ป.ช. ให้ทราบถึงการดำรงตำแหน่งกรรมการและลูกจ้าง ของคุณหญิงปรียา

 

 

ผลของการที่ถือว่า คุณหญิงปรียาฯ พ้นจากตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช. ไม่ว่าจะถือว่า ไม่เคยได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการ ป.ป.ช. มาตั้งแต่ต้น หรือพ้นจากตำแหน่งในภายหลัง ย่อมจะทำให้มติของผู้ร้อง ที่มีคุณหญิงปรียาฯ เข้าประชุมด้วย หรือมีส่วนกระทำการหรือแสดงความคิดเห็น ใช้ไม่ได้ด้วย มติของผู้ร้องเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 43 ซึ่งมีคุณหญิงปรียาฯ เป็นผู้รายงานผลการสอบสวนและร่วมประชุมอยู่ด้วย จนเป็นผลให้ผู้ร้องมีมติว่า ผู้ถูกร้องจงใจยื่นบัญชีฯ ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ จึงเป็นมติที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผู้ร้องจึงไม่มีอำนาจยื่นคำร้อง ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยกรณีของผู้ถูกร้องได้”

 

 

ข้อ 6. ดังนั้น การลาออกจากกรรมการบริษัทต่าง ๆ ของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ในวันที่ 15 สิงหาคม 67 แต่ไปจดทะเบียนวันที่ 19 สิงหาคม 2567 จึงมีเหตุอันควรตรวจสอบว่า วันที่ลาออกจริงนั้น คือวันที่ใด มีการทำเอกสารย้อนหลัง หรือไม่ หากตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่า มีการลาออก หลังจากวันที่ 16 สิงหาคม 67 จะมีผลให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 (5) ประกอบมาตรา 187 หรือไม่

 

นายเรืองไกร กล่าวสรุปว่า ขณะนี้ ยังอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม ซึ่งรอให้หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องส่งข้อมูลมาให้ และจะนำมาตรวจสอบ เพื่อส่งให้ กกต. พิจารณาต่อไป

 

 

ขอบคุณข้อมูล : สำนักข่าวอิศรา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

รวบคู่รักวัยรุ่น อ้างเป็นกรรมการวัดดัง เปิดเพจรับบริจาคบูรณะวิหารหลวง ตุ๋นเงินทำบุญกว่า 2 แสนบาท
เลือกตั้งสหรัฐ: แฮร์รีสย่องเงียบโผล่ Saturday Night Live
สหรัฐปรามอิหร่านอย่าคิดเอาคืนอิสราเอล
ผู้นำสูงสุดอิหร่านขู่จะตอบโต้ทั้งอิสราเอลและสหรัฐ
ญี่ปุ่นสั่งอพยพประชาชนเกือบ 2 แสนหลังฝนถล่ม
“อดีตสว.สมชาย” แนะรบ.นำเรื่องยกเลิก MOU 44 เข้าสภาฯ โดยเร็ว
"นายกฯ" ขอบคุณ "ประชาชน" เชื่อมั่น ทำคะแนนนิยมพุ่ง ยันทำงานหนักต่อไปแก้ปัญหาประเทศ
ลือสนั่น ป.ป.ช.จ่อแจ้งจับก๊วนหมอชั้น 14 “กูรู” ฟันเปรี้ยง! เข้าคุกระนาว
อึ้ง! “สส.ไอซ์” ยกพม่าขับเคลื่อนเศรษฐกิจ หากจับส่งกลับ ไทยเดือดร้อนแน่
เอ็นดูไม่ไหว! "หนูน้อยวัย 3 ขวบ" โชว์สเต็ปฝีพาย กลายเป็นไวรัล ล่าสุด "ผบ.ทร." ได้ส่งชุดทหารเรือจิ๋วสุดเท่ให้เป็นของขวัญ

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น