พาเวล ดูรอฟ ผู้ก่อตั้งแอปแชตเทเลแกรม ได้รับการประกันตัว หลังถูกคุมตัว 4 วัน อัยการปารีสตั้งข้อหาล้มเหลวในการยับยั้งเนื้อหาผิดกฎหมาย สั่งรายงานตัวทุก 2 สัปดาห์ และห้ามออกนอกประเทศ
พาเวล ดูรอฟ มหาเศรษฐีเทคโนโลยีจากรัสเซีย ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้ง และซีอีโอ ของเทเลแกรม แอปแชตยอดนิยม ถูกอัยการปารีสตั้งข้อหาอย่างเป็นทางการแล้ว ในข้อหาล้มเหลวในการยับยั้งเนื้อหาที่ผิดกฎหมายและรุนแรง ที่ถูกส่งในแอปเทเลแกรม ทำให้เขามีความผิดหลายกระทง
ดูรอฟ ซึ่งเกิดในรัสเซีย และเป็นพลเมืองของฝรั่งเศสและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ถูกจับกุมที่สนามบิน เลอ บูเฌต์ นอกกรุงปารีสเมื่อช่วงค่ำวันเสาร์ พร้อมถูกควบคุมตัวโดยตำรวจสอบสวนเป็นเวลา 4 วัน จากนั้นเมื่อวานนี้ เขาได้รับการประกันตัวด้วยวงเงิน 5 ล้านยูโร ด้วยเงื่อนไขว่า ต้องรายงานตัวกับตำรวจสัปดาห์ละสองครั้ง และต้องอยู่ในฝรั่งเศสระหว่างการสอบสวน
ข้อกล่าวหาดังกล่าวเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมที่ถูกกล่าวหาว่า เทเลแกรมเกี่ยวข้องกับกลุ่มต่างๆ รวมถึงการสมรู้ร่วมคิดในการบริหารแพลตฟอร์ม ที่ทำให้เกิดธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย ทั้งการเผยแพร่รูปภาพเด็กในสื่อลามกเด็ก ,ค้ายาเสพติด, ฉ้อโกง และฟอกเงิน นอกจากนี้ ดูรอฟยังถูกตั้งข้อหา ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลที่ทางการเรียกร้อง
เดวิด-โอลิเวียร์ คามินสกี้ ทนายความของเขากล่าวว่า เป็นเรื่องไร้สาระที่จะบอกว่าดูรอฟอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมใดๆ ที่เกิดขึ้นในแอปนี้ และเสริมว่า เทเลแกรม ปฏิบัติตามกฎของยุโรปเกี่ยวกับเทคโนโลยีดิจิทัลทุกประการ
นอกจากนี้ ดูรอฟยังถูกสอบสวนในข้อสงสัยว่า กระทำความรุนแรงอย่างร้ายแรงต่อลูกคนหนึ่งของเขา ขณะที่เขากับอดีตคู่ครอง ซึ่งเป็นแม่ของเด็กชาย อยู่ในปารีส แหล่งข่าวกล่าว อดีตคู่รักของเขายังยื่นฟ้องดูรอฟอีกครั้งในสวิตเซอร์แลนด์เมื่อปีที่แล้ว
เจ้าพ่อเทคโนโลยีรายนี้ก่อตั้งเทเลแกรมขึ้น ในขณะที่เขาตัดสินใจเดินทางออกนอกรัสเซียรัสเซียเมื่อสิบปีก่อน การเติบโตแบบก้าวกระโดดของเทเลแกรม ทำให้มีผู้ใช้งานมากกว่า 900 ล้านคน ดูรอฟเป็นบุคคลลึกลับที่ไม่ค่อยปรากฏต่อหน้าสาธารณะชน นิตยสาร Forbes ประเมินทรัพย์สินของเขาในปัจจุบันที่ 1หมื่น 5 พัน 500 ล้านดอลลาร์
การจับกุมดูรอฟ ทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถาม ถึงการคุกคามเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ซึ่งเทเลแกรม วางตำแหน่งตัวเองให้เป็นแพลตฟอร์มทางเลือกที่เป็นกลาง อีกทั้ง เทเลแกรม ยังมีบทบาทสำคัญในการที่รัสเซียบุกยูเครน ซึ่งทั้งสองฝ่ายใช้เทเลแกรมเป็นเครื่องมือในการแสดงความคิดเห็นและเผยแพร่ข้อมูล ขณะที่ประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส ยืนยันว่า คดีนี้ไม่เกี่ยวกับการเมือง และขึ้นอยู่กับผู้พิพากษาที่จะตัดสิน