โลกโซเชียลในกลุ่มสามนิ้ว แห่แชร์ภาพศิลปินดาราช่องดัง ที่เผยแพร่โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กบัญชี “Ananda Aof Amataya” (อนันดา ออฟ อมาตยา) โดยพบว่ามีการโพสภาพที่ตัดต่อภาพข้อความ “อากง” บนฝ่ามือ พร้อมด้วยข้อความว่า “ขอบคุณนักแสดงทุกคนที่ออกมาร่วมรณรงค์ในแคมเปญ #ฝ่ามืออากง วันนี้สิบปีไม่สายถ้าจะกลับตัวกลับใจครับ จัมวั๊ย” มีผู้แชร์ข้อความนี้ไปกว่า 64 ครั้ง
เมื่อทีมข่าวท็อปนิวส์ ตรวจสอบ พบกว่าภาพดังกล่าวนั้นเป็น เฟกนิวส์ เพราะว่า ภาพดังกล่าวนั้นเป็น กลุ่มดาราของช่อง 7 ที่พร้อมกัน โพสต์ภาพฝ่ามือที่มีข้อความ #หยุดขายเสียงจุดเปลี่ยนประเทศ ซึ่งแคปชั่นมีเป็นข้อความเดียวกันระบุว่า “ช่อง 7HD ปลุกพลังคนไทย!! ไม่ซื้อสิทธิ์! ไม่ขายเสียง! ในการเลือกตั้งทุกระดับ เพราะการซื้อสิทธิ์ คือจุดเริ่มต้นของการทุจริต จบทุกทุจริต ด้วยสิทธิ์ของคุณ “หยุดขายเสียง จุดเปลี่ยนประเทศ” ร่วมแสดงเจตนารมณ์คนรักประชาธิปไตย ร่วมติด #หยุดขายเสียงจุดเปลี่ยนประเทศ”
แต่กิจกรรมที่กลุ่มดาราได้ร่วมกันรณรงค์ไม่ซื้อสิทธิ์ ขายเสียงนั้น แต่ถูกคนที่อ้างตัวเองว่าเป็นคนรุ่นใหม่ เรียกร้องประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพ แต่วันนี้กลับมาสร้างข่าวเฟกนิวส์ และแชร์กันไปโดยไม่สนใจว่าจะสร้างความเสียหายให้กับกลุ่มดาราเหล่านี้เลย เพราะคำว่า อากง นั้น ซึ่งก็หมายถึง นายอำพล ตั้งนพกุล หรือ ‘อากง’ ผู้ต้องหา ที่ถูกจับกุมดำเนินคดีในข้อหาดูหมิ่น หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ กฎหมายอาญามาตรา 112 เสียชีวิตในคุก เนื่องจากมีอาการป่วยด้วยโรคมะเร็งมาตั้งแต่ก่อนถูกดำเนินคดีแล้ว
สำหรับนายอำพล หรือ อากง เป็นจำเลยคดีหมิ่นเบื้องสูง หรือ คดี “ม.112” จากการส่งข้อความ หรือ SMS ที่มีเนื้อหาจาบจ้วงสถาบันกษัตริย์ไปยังมือถือของ นายสมเกียรติ ครองวัฒนสุข เลขานุการส่วนตัว นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น เหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงเดือนพฤษภาคม 2553 โดยถูกกล่าวหาว่าส่ง SMS ไปกว่า 10 ครั้ง โทรศัพท์ ซิม เป็นของอากง และในการต่อสู้คดี ทนายความและ อากง จะสู้ว่า อากง ไม่รู้หนังสือ อ่านหนังสือไม่ออก แต่ก็ไม่สามารถที่จะหาหลักฐาน มาหักล้างว่า อากงไม่ได้เป็นคนส่ง เมื่อจำนนต่อหลักฐาน จึงถูกศาลพิพากษา จำคุกรวมคดีทุกกระทงแล้ว 20 ปี แต่หลังจากที่ติดคุกไปแล้วด้วยอาการป่วยจากโรคมะเร็งที่ลุกลามเร็วจนทำให้เสียชีวิต
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาทั้งคนเสื้อแดงต่อเนื่องมาจนถึงพรรคอนาคตใหม่ หรือกลุ่มมวลชน 3 นิ้ว ก็หยิบฉวยเอาเรื่องของอากง มาเป็นประเด็นในการมุ่งบิดเบือนเคลื่อนไหวยกเลิกกฎหมายม.112 อยู่เนืองๆ