“ชัชชาติ” ยันจ่ายหนี้ BTS ให้เร็วที่สุด ห่วงดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นในทุกวัน

"ชัชชาติ" ยันจ่ายหนี้ BTS ให้เร็วที่สุด ห่วงดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นในทุกวัน

“ชัชชาติ” ยันจ่ายหนี้ BTS ให้เร็วที่สุด ห่วงดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นในทุกวัน  Top News รายงาน 

 

 

 

เกาะติดประเด็นร้อน จากผลการทำงานของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม.และคณะผู้บริหาร ในการแก้ไขปัญหาภาระหนี้สิน ที่ก่อขึ้นกับ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC ตามสัญญาว่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 1 และ ที่ 2

ภายหลังศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษาให้ กทม. และ บริษัท กรุงเทพธนาคม หรือ KT ชำระค่าจ้าง และ ซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 มีจำนวน 2,348,659,232 บาท พร้อมดอกเบี้ยของต้นเงิน จำนวน 2,199,091,830 บาท และ หนี้ ค่าจ้าง และ ซ่อมบำรุง รถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 2 จำนวน 9,406,418 บาท พร้อมดอกเบี้ยของต้นเงิน จำนวน 8,786,765,195 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 11,755,077,951 บาท ให้แล้วเสร็จภายใน 180 วัน

แต่จนถึงขณะนี้มีความชัดเจนในระดับสำคัญ ว่า ผู้บริหารกทม.จะยังไม่เร่งชำระหนี้ก้อนดังกล่าว โดยอ้างประเด็นข้อมูล ป.ป.ช.ว่าด้วยการพิจารณาคำร้อง สัญญาให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายตั้งแต่ปี 2555 และ ข้อกล่าวหาการทำสัญญาจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายไม่ปฏิบัติตามกฏหมายว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ” ทั้ง ๆ ที่มีการประเมินภาระดอกเบี้ย ทื่กทม.และ KT ต้องรับผิดชอบเพิ่มสูงถึงวันละ 7 ล้านบาท

ข่าวที่น่าสนใจ

ล่าสุดนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม. กล่าวถึง ความคืบหน้าการจ่ายเงินค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ให้แก่ BTSC ว่า เรื่องนี้ตนรู้สึกกังวลและสั่งการให้รีบดำเนินการ โดยตั้งคณะกรรมการเพื่อเร่งรัดเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด พร้อมจะดำเนินการคู่ขนานกันไปกับการสอบถามข้อสงสัยที่เกิดขึ้นในบ้างเรื่องกับศาลปกครองสูงสุด โดยเฉพาะเรื่องการชี้มูลความผิดของป.ป.ช. ก่อนหน้านี้

 

ส่วนประเด็นปัญหาที่ถูกมองว่ามีความพยายามดึงเรื่องให้ล่าช้า นายชัชชาติ ระบุว่า การจ่ายเงินให้กับเอกชนจะต้องผ่านการพิจารณาของสภากทม. เพราะเป็นเรื่องที่จะต้องนำเงินสะสมจ่ายขาดมาใช้จ่าย โดยเมื่อสภากทม.พิจารณาเรื่องงบประมาณแล้วเสร็จ ทางด้านกทม.จะได้นำเรื่องการจ่ายเงินในส่วนที่เป็นหนี้สินกับเอกชนเข้าสู่ที่ประชุมเป็นเรื่องแรก

อีกทั้งที่ผ่านมาได้มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะ และให้เร่งระยะเวลาโดยเร็วที่สุด โดยเฉพาะเรื่องภายในของกทม.ได้สั่งการให้มีการนั่งประชุมร่วมกัน โดยไม่ต้องส่งเอกสารหารือ พร้อมยืนยันว่ากทม. ไม่ได้ดำเนินการล่าช้า แต่พยายามดำเนินการอย่างเร็วที่สุดเพราะตระหนักถึงภาระอัตราดอกเบี้ยที่แบกรับอยู่ แต่ก็ต้องทำตามขั้นตอนตามกฏหมายประกอบกันด้วย

 

สำหรับกรณีที่มีกระแสข่าวออกมาว่า กทม.ได้ขอให้ศาลปกครองสูงสุดพิจารณาคดีใหม่จริงหรือไม่ นายชัชชาติ ระบุว่า การยื่นเรื่องไปยังศาลปกครองสูงสุดเพื่อพิจารณา เนื่องมาจากมีผู้ที่เกี่ยวข้องทักท้วงเกี่ยวกับคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ที่มีข้อมูลไม่เป็นปัจจุบัน โดยข้อมูลดังกล่าว ระบุว่า เนื่องจากว่า ปปช.ยังไม่มีชี้มูล ความผิด เพียงแต่เป็นการแจ้งข้อกล่าวหา ทำให้ไม่มีผลต่อการตัดสิน ทางกทม.จึงได้ทำหนังสือสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปยังศาลปกครองอีกครั้งว่าเป็นปัญหาหรือไม่ เพื่อป้องกันตัวเอง เนื่องากปัจจุบันเข้าใจว่าเรื่องนี้ปปช.ได้มีการชี้มูลความผิดแล้ว

“เมื่อมีความคลาดเคลื่อน และทางกทม. รับทราบ แต่ไม่ทักท้วงไป กทม. ก็อาจจะมีความผิดได้ แต่ทั้งนี้ก็ยืนยันว่า ไม่ได้หยุดที่จะดำเนินการเพื่อจ่ายหนี้ให้กับเอกชน แต่จะเป็นการทำงานแบบคู่ขนาน”

นายชัชชาติ ย้ำอีกว่า การดำเนินงานไม่ได้ล่าช้า แต่การยื่นเรื่องไปยังศาลปกครอง อาจวินิจฉัยว่า ไม่มีเรื่องหรือประเด็นสำคัญ ก็สามารถยกเรื่องไปเลยก็จบ แต่หากไม่ทำกทม.ก็เกรงว่าจะมีปัญหาตามมาทีหลัง และ จะทำให้การจ่ายเงินมีการล่าช้ามากยิ่งขึ้น

ส่วนการชี้มูลความผิดของปปช.ไปยังศาลปกครองสูงสุด จะมีผลต่อคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุดหรือไม่ นายชัชชาติ ระบุว่า ขึ้นอยู่กับศาลปกครองสูงสุดว่าจะพิจารณาอย่างไร หากพิจารณาแล้วว่าไม่มีสาระ ก็ไม่ต้องดำเนินการอะไร แต่เนื่องจากช่วงที่ศาลปกครองตัดสินพิจารณา คดีปปช.ยังไม่มีการชี้มูลความผิด แต่ขณะนี้ ปปช.ได้มีการชี้มูลความผิดเรียบร้อยแล้ว

และกรณีที่มีการยื่นข้อสงสัยต่อศาลปกครองสูงสุด จะกลายเป็นการยืดชำระหนี้ออกไปหรือไม่ นายชัชชาติ ระบุว่า ไม่ใช่การยืดหนี้แต่เพื่อให้มั่นใจว่าศาลปกครองสูงสุดได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว และ เมื่อเกิดข้อสงสัยจึงต้องการสอบถามกลับไป

 

“ตนมีความกังวลเรื่องภาระอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นในแต่ละวัน แต่การดำเนินการเพื่อจ่ายหนี้ จะต้องมีขั้นตอนที่ชัดเจนว่า จะต้องดำเนินการอย่างไร รวมไปถึงการจ่ายเงินในก้อนยังค้างอยู่ที่ศาลปกครองสูงสุด รวมถึงหนี้ก้อนอื่นๆอีกด้วย ซึ่งขณะนี้เรื่องดังกล่าวยังไม่ได้ผ่านสภากทม. จึงต้องทำให้ถูกต้อง ซึ่งทางผู้รับผิดชอบดูแลในเรื่องของการจ่ายหนี้ให้บีทีเอส ได้มีการหารือร่วมกันอย่างต่อเนื่อง”

 

 

สำหรับประเด็นปัญหาในขั้นตอนของป.ป.ช. ทาง บีทีเอส กรุ๊ป เคยทำเอกสารชี้แจง โดยมีสาระสำคัญดังนี้

 

 

1. กรณีนี้ยังคงเป็นเพียงขั้นตอนการแข้งข้อกล่าวหาจากคณะกรรมการป.ป.ช.เท่านั้น และ BTSC ยังไม่ถูกฟ้องร้องเป็นคดีแต่อย่างใด ทั้งนี้ BTSC มีสิทธิคัดค้านและแก้ข้อกล่าวหาตามกระบวนการของกฏหมาย โดย BTSC ยินดีที่จะให้ความร่วมมือกับคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตามกระบวนการทางกฏหมายต่อไป

 

2. บริษัทเชื่อมั่นว่าการทำสัญญาจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ได้ดำเนินการอย่างที่ถูกต้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

 

-โดยเมื่อปี 2550 กทม. ได้มีหนังสือถึงคณะกรรมการกฤษฏีกาเกี่ยวกับการที่ KT หรือ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด จะว่าจ้างเอกชนเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย โดยคณะกรรมการกฤษฏีกาได้วินิจฉัยแล้ว โดยสรุปว่าการจ้างเอกชนเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายไม่ใช่การร่วมลงทุน หรือให้สิทธิสัมปทานภายใต้กฎหมายร่วมทุน

 

-การทำสัญญาจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายได้เคยผ่านการสอบสวนจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ในปี 2555 แล้ว โดยภายหลังจากการสิ้นสุดการสอบสวนในปี 2556 DSI และสำนักงานอัยการสูงสุดได้เห็นควรไม่ฟ้อง BTSC

รวมถึง เมื่อเร็ว ๆ นี้ อัยการสูงสุด (อสส.) ยังได้ตั้งข้อไม่สมบูรณ์สำนวนคดีกรุงเทพมหานคร (กทม.) ว่าจ้างบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC เดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย 3 เส้นทาง ไปจนถึงปี 2585 ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดผู้ถูกกล่าวหารวมทั้งสิ้น 12 ราย และส่งสำนวนการไต่สวนมาให้พิจารณาฟ้องร้องดำเนินคดีตามขั้นตอนทางกฎหมาย

“ทั้งนี้ อสส.ได้ส่งเรื่องกลับมาให้ ป.ป.ช. เพื่อตั้งคณะทำงานร่วมฝ่ายอัยการ และ ป.ป.ช. เนื่องจากพิจารณาเห็นข้อไม่สมบูรณ์ในสำนวนคดี”

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เสี่ยใหญ่ทำบุญวันเกิดครบรอบแซยิด 60 ปี จัดทอดผ้าป่าสามัคคีวัดเกจิชื่อดัง แห่ด้วยขบวนช้าง มังกรทอง สิงโต ยิ่งใหญ่อลังการ
ผัวเมียสุดหลอน!! มาหาเพื่อนรักที่บ้านตะโกนเรียกเพื่อนเสียงตอบกลับหลายครั้ง แต่สุดท้ายเพื่อนรักตายตั้งสวดศพที่วัดแล้ว 1 คืน-หลายคนรู้สึกหวาดกลัวไม่กล้าเดินทางออกจากวัดกลับบ้านคนเดียว เพราะเกรงว่าจะเจอนายสมคิดผู้ตายระหว่างทางคงได้วิ่งหนีกันป่าราบแน่นอน
สมาคมผู้อาสาสมัครช่วยการศึกษา และ คัดเลือกพ่อตัวอย่างแห่งชาติ ร่วม ลงนามถวายพระพร หน้าพระรูปสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี
สารวัตรชาติ นายตำรวจน้ำดี เจ้าของแหวนอัศวิน นำคณะจัดอบรม หนี-ซ่อน-สู้ เอาตัวรอดเมื่อเผชิญเหตุร้าย
"แพนเค้ก" ร่วมชมการแสดง​โขนมรดกชาติ ได้รับรองจาก UNESCO ฉลองครบ 6 รอบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ไม่รอด จนท.สกัดจับ "พ่วง 18 ล้อ" ดัดเเปลงเสริมถังน้ำมัน "ลอบขนน้ำมันเถื่อน" จากประเทศเพื่อนบ้าน
ระทึก ม้าเหล็กขยี้รถเก๋ง โค้ชฟุตบอลอะคาเดมี่รอดปาฏิหาริย์
"พิพัฒน์" ห่วงแรงงานไทย นำคณะ ถก "ระบบบำนาญสวีเดน" สร้างมาตรฐาน พัฒนาบริการผู้ประกันตน-รองรับสังคมสูงอายุ
คลังเลือดสำรองไม่พอ! "สภากาชาดไทย" เชิญชวนบริจาคเลือด ช่วยชีวิตผู้ป่วยทั่วประเทศ
ตร.จ่อเชิญ ‘เจ๊อ้อย’ สอบปากคำเพิ่ม ปมตั้ง ‘ทนายตั้ม’ จัดการมรดก

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น