มาครงตั้งมิเชล บาร์เนีย อดีตหัวหน้าทีมเจรจาเบร็กซิต เป็นนายกฯฝรั่งเศสคนใหม่
ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง ประกาศแต่งตั้ง มิเชล บาร์เนียร์ อดีตหัวหน้าทีมเจรจาเบร็กซิต ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของประเทศ หลังจากการประกาศเลือกตั้งกะทันหัน ทำให้เกิดภาวะสภาแขวนมานานเกือบ 2 เดือน เนื่องจากมาครงสูญเสียเสียงข้างมากในการควบคุมสภา
การประกาศแต่งตั้งบาร์เนียร์เกิดขึ้นขึ้นเมื่อวันพุธ โดยแถลงการณ์ทำเนียบประธานาธิบดีระบุว่า บาร์เนียร์ ซึ่งเป็นสมาชิกพรรครีพับลิกันสายกลาง-ขวา เป็นผู้ที่เหมาะสมที่สุด โดย บาร์เนียร์จะเข้ามาแทนที่ กาเบรียล อัตตาล สมาชิกพรรคเรเนซองส์ พรรคสายกลางของมาครง
บาร์เนียร์ วัย 73 ปี กลายเป็นนายกรัฐมนตรีที่อาวุโสที่สุดในประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสยุคใหม่ เขาเป็นนักการเมืองที่สนับสนุนสหภาพยุโรปอย่างแข็งขัน และเคยดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีหลายตำแหน่งตลอดช่วงทศวรรษ 1990 – 2000 อีกทั้งดำรงตำแหน่งกรรมาธิการตลาดภายในของสหภาพยุโรประหว่างปี 2010 -2014 และในช่วงปี 2016-2019 เขาดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะทำงานเบร็กซิต ของสหภาพยุโรป ซึ่งดูแลการเจรจากับอังกฤษในช่วงที่ถอนตัวออก
การประกาศเมื่อวันพุธ ทำให้ภาวะสุญญากาศทางการเมืองในฝรั่งเศสที่กินเวลานานสองเดือนสิ้นสุดลง หลังจากการเลือกตั้งกะทันหันที่ทำให้พรรคของมาครงสูญเสียที่นั่งหลายสิบที่นั่งในรัฐสภา และต้องหันไปจับมือกับพรรคนิว ป็อปปูลาร์ ฟรอนท์(NFP) ฝ่ายซ้ายในนาทีสุดท้าย เพื่อสกัดไม่ให้พรรค เนชันแนล แรลลี (RN) ฝ่ายขวาชนะเสียงข้างมาก
ในฝรั่งเศส ประธานาธิบดีเป็นผู้เสนอชื่อนายกรัฐมนตรี แต่รัฐสภามีอำนาจตรวจสอบและลงมติไม่ไว้วางใจ ซึ่งจอร์แดน บาร์เดลลา หัวหน้าพรรค RN กล่าวว่า จะตัดสินบาร์เนียจากคำปราศรัยนโยบาย และให้โอกาสทำงาน แต่หากพบว่า ปัญหาใหญ่ที่ประชาชนต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง เงินเฟ้อ ความปลอดภัย และผู้ลี้ภัย ไม่ได้รับการแก้ไข พรรคก็จะพิจารณาใช้วิธีทางการเมืองในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งในฐานะพรรคการเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสามในรัฐสภา พรรค RN จะมีอำนาจอย่างมากในการลงมติไม่ไว้วางใจบาร์เนียร์
อย่างไรก็ดีหากฝ่ายขวาตัดสินใจขับบาร์เนียร์ออกจากตำแหน่ง ยังไม่ชัดเจนว่า มาครงจะสามารถหานายกฯจากพันธมิตรฝ่ายซ้ายได้หรือไม่ เนื่องจากทั้งพรรค NFP และพรรคกรีน เพิ่งออกมาประณามเขาอย่างรุนแรงที่ปฏิเสธไม่แต่งตั้งลูซี คาสเตตส์ เป็นนายกรัฐมนตรี ตามที่ NFP เลือก โดยกล่าวว่า พรรคร่วมรัฐบาลที่ชนะการเลือกตั้งต่างหากที่ควรมีสิทธิจัดตั้งรัฐบาล ไม่ใช่พรรคที่แพ้การเลือกตั้ง
