วันที่ 6 กันยายน 2567 ที่ สำนักงาน ปปช.ประจำจังหวัดนครราชสีมา นายสนั่น หลุยจันทึก ตัวแทนชาวบ้าน ตำบลขนงพระ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วย ชาวบ้านกลุ่มหนึ่ง ได้เตรียมเอกสาร เพื่อติดตามทวงถามความคืบหน้าของคดี ทุจริตโครงสร้างพื้นฐานของ อบต.แห่งหนึ่ง ตั้งแต่ปี 2555 โดยมี นายนพวร สิทธิสบาย ผู้อำนวยการกลุ่ม กลุ่มปฏิบัติการ สปจ.นครรราชสีมา , นายณัฐวุฒิ กลิ่นสูงเนิน เจ้าพนักงานปราบปรามการทุจริต คอยชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆ

นายสนั่น ตัวแทนชาวบ้าน เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการ ปปช.ได้มีมติชี้มูลความผิดนายแหวน พุทธิศา นายก อบต.ขนงพระ อ.ปากช่อง กับพวก เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ว่าเข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสียในสัญญาที่ทำกับ อบต.ในเอื้อประโยชน์ให้กับเครือญาติและเอกชนจำนวน 6 โครงการ มูลค่าหลายล้านบาท แต่เรื่องก็เงียบหายไป ตั้งแต่ปี 2555 ต่อมา นายแหวน พุทธิศา นายก อบต.ขนงพระ ได้กลับมาลงสมัครรับเลือกตั้ง และมีคะแนนชนะการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา แต่กลับยังทำงานได้ปกติ ไม่ถูกสั่งให้พ้นและขาดคุณสมบัติรับเลือกตั้ง จนชาวบ้านต่างสงสัย ก่อนที่จะมาติดตาม ข้อเท็จจริงกับทาง ปปช.จังหวัด จนกระทั่งทราบเรื่องว่ามีการดำเนินการ รวบรวมพยานหลักฐาน เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวไปแล้ว ขนาดนี้อยู่ในขั้นตอนของสำนักอัยการ เพื่อส่งสำนวนฟ้องให้ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 ดำเนินการต่อไป ในส่วนขั้นตอนที่จะไม่ให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อนั้น ต้องขึ้นอยู่กับทางนายอำเภอและทางผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นคนสั่งดำเนินการ

ข่าวที่น่าสนใจ

เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นประชาชนผู้มีส่วนได้เสีย โครงการกำจัดขยะมูลฝอยชุมชน โดยแปรรูปเป็นพลังงานไฟฟ้า อบต.เมืองคง ชาวบ้านทั้งฝ่ายสนับสนุน และฝ่ายคัดค้านต่างแสดงความคิดเห็นด้วยเหตุ และผล ไร้เหตุการณ์รุนแรง

นายนพวร สิทธิสบายผู้อำนวยการกลุ่ม กลุ่มปฏิบัติการ สปจ.นครรราชสีมา ได้แจ้งให้กับชาวบ้านว่า ทางปปช.ได้มีการรวบรวมสำนวน ตามข้อร้องเรียน ของประชาชน ว่าทางนายแหวน พุทธิศา นายก อบต.ขนงพระ อ.ปากช่อง พร้อมกับพวก เข้ามีส่วนได้เสียในสัญญาและเอื้อประโยชน์ ให้กับเครือญาติและเอกชนจำนวน 6 โครงการ (คดีหมายเลขดำที่ 13 – 1 – 876/2564 คดีหมายเลขแดงที่ 0616 – 1 – 50/2566) โดยทางคณะกรรมการปปช.พิจารณาแล้วมีมติชี้มูลความผิดทางอาญาและวินัย ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีกับ นาย (ว) กับพวก ตามฐานความผิดดังกล่าว ตาม พรบ. ป.ป.ช. พ.ศ.2561 มาตรา 91 (1) (2) และมาตรา 98 ในกรณีหากอัยการสูงสุดไม่รับฟ้อง ทางปปช. จะดำเนินการขั้นตอนในการฟ้องเองทั้งหมด จึงขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในหลักฐานของป.ป.ช ซึ่งเรารวบรวมหลักฐานค่อนข้างที่จะแน่นหนา ในการที่จะฟ้องแต่ละคดี

นายแหวน พุทธิศา นายก อบต.ขนงพระ อ.ปากช่อง เปิดเผยทางโทรศัพท์ว่า หลังจากที่ถูกป.ป.ชชี้มูลความผิด 6 โครงการ ขณะนี้เรื่องอยู่ที่อัยการสูงสุด ว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่ จึงต้องรอหนังสือจากอัยการก่อน เพราะเรื่องราวทั้ง 6 โครงการตนเองได้แก้ต่างชี้แจ้งไปหมดแล้ว ส่วนผู้ร้องจะไปตามเรื่องราวกับหน่วยงานใดก็แล้วแต่เขา ถึงแม้จะพยายามโยงหลักฐาน ว่ามีผลประโยชน์ในกลุ่มเครือญาติหรือแม้แต่ภาคเอกชนก็ตาม ขณะนี้ตนเองก็ถูกกลุ่มผู้ไม่หวังดีพยายามกดดัน จากหน่วยงานต่างๆ ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้ก่อน แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับทางศาลสั่ง ว่าจะให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ แต่อย่างไรก็ตาม หากไม่มีคำสั่งฟ้องจากศาล ตนเองจะปรึกษากับทีมกฎหมายเพื่อทำการฟ้องกลับกับกลุ่มดังกล่าวอย่างแน่นอน ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ในส่วนของประเด็นผู้รับเหมา ทางผู้รับเหมาได้กู้เงินกับทางภรรยาตัวเองไป พอเช็คออกมาก็ใช้หนี้คืน เนื่องจากพ่อตาเป็นเพื่อนกับเจ้าของบริษัท ที่มารับเหมา หลังจากนี้ก็ขอให้ต่อสู้ในกระบวนการศาล

ต่อมาทางผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสอบถาม นายคณัสชนม์ ศรีเจริญ นายอำเภอปากช่อง ได้ชี้แจงสั้นๆว่า เรื่องดังกล่าวนั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และมีกระบวนการกฎหมายหลายขั้นตอน จึงไม่ขอให้สัมภาษณ์ รวมไปถึงประเด็น เรื่องของการหยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้ก่อน ก็ยังไม่ขอตอบเช่นกัน

พ.ต.ท.ระพีพงษ์ จิรพัฒนาลักษณ์ ผอ.สนง.กกต.จว.นม เปิดเผยทางโทรศัพท์ว่า จากกรณีที่นายกขนงพระ อำเภอปากช่อง ถูกปปช.ชี้มูลความผิดทางอาญาและวินัย 6 โครงการ ถือว่าคดียังไม่ถึงที่สุด ก็ยังสามารถรับสมัครรับเลือกตั้งได้ ก็มีหลายเคสที่นายกโดนแล้วก็มารับสมัครเลือกตั้ง ถือว่าไม่แปลก และขณะนี้ก็ยังไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่าเขาขาดคุณสมบัติ หากกรณีศาลมีการตัดสินและมีคำพิพากษาว่าผิดจริง ก็เป็นอำนาจของนายอำเภอที่จะสั่งปลดออกจากตำแหน่ง ในส่วนของการร้องซื้อสิทธิ์ขายเสียงในช่วงเลือกตั้งที่ผ่านมา ก็มีสั่งสอบข้อมูลทั้งสองฝ่าย แต่ยังไม่เสร็จสิ้นเพราะเพิ่งประกาศรับรองนายกไปเมื่อเร็วๆนี้ ในการสอบให้ใบแดงครั้งที่แล้วสอบนานถึง 2 ปี ต้องใช้เวลา พอขบวนการเลือกตั้งเสร็จก็เพิ่งมาร้องจึงต้องใช้เวลาอีกพอสมควร และจะต้องยื่นไปยังมติกกต.การที่กกตประกาศรับรองนายกภายใน 1 อาทิตย์นั้นเพราะช่วงเวลาดังกล่าวไม่มีการร้องเรียน แต่ส่วนใหญ่มาร้องหลังประกาศ จึงต้องไปดูข้อเท็จจริงด้วย และขอให้ประชาชนเข้าใจตรงนี้ด้วย

โคราช, นายกอบต., พร้อมสู้ทุกคดี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง