เมื่อวันที่ (6 ก.ย.67) ที่ โรงแรมคลาสสิค คามิโออยุธยา นายปริญญา วิกุลศิริรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานเปิดโครงการปักหมุดพื้นที่เสี่ยงต่อการทุจริต (โครงการต่อเนื่องขยายผล) กิจกรรมประชุมเชิงปฏิบัติการปักหมุดแผนที่พื้นที่เสี่ยงต่อการทุจริตในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นครั้งที่ 2 จัดขึ้นโดย สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อร่วมกันกำหนดหมุด แผนที่ความเสี่ยงต่อการทุจริตภายในจังหวัดฯ
ป.ป.ช.อยุธยา จัดประชุมเชิงปฏิบัติการร่วมกับเครือข่ายกว่า 100 คน จาก 12 อำเภอ ภายใต้หัวข้อ “แนวทางการจับตามองและแจ้งเบาะแสการป้องกันการรุกล้ำเขตทางหลวงในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา"
ข่าวที่น่าสนใจ
นายปริญญา วิกุลศิริรัตน์ กล่าวว่า สำนักงาน ป.ป.ช. มีภารกิจในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ปัจจุบันมุ่งเน้น “ป้องนำปราบ” คือ การป้องกันการทุจริต ป้องกันความเสียหาย สร้างจิตสำนึกค่านิยมซื่อสัตย์สุจริต ไม่ทนต่อการทุจริต เพื่อลดเรื่องร้องเรียน ผู้กระทำความผิด และป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นจากการทุจริต จึงจำเป็นต้องจัดกิจกรรมประชุมเชิงปฏิบัติการปักหมุดแผนที่พื้นที่เสี่ยงต่อการทุจริตในพื้นที่
เพื่อลดความเสี่ยงต่อการทุจริต และรวบรวมเป็นฐานข้อมูลทั้ง 76 จังหวัด ที่มีการจัดเรียงและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเป็นระบบ เพื่อใช้สำหรับเจ้าหน้าที่ป้องกันการทุจริต เจ้าหน้าที่ปราบปรามการทุจริต รวมถึงภาคีเครือข่ายอื่น ๆ ในการป้องกันการทุจริตในอนาคต พร้อมย้ำ การลงพื้นที่ป้องปรามการทุจริต ป.ป.ช.อยุธยา จะบูรณาการกับชมรม Strong จิตพอเพียงต้านทุจริตฯ โค้ช Strong จิตพอเพียงต้านทุจริตฯ คณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดฯ และ นักสืบสวนคดีทุจริตระดับจังหวัดฯ ของ ป.ป.ช.อยุธยาที่มีอยู่ทั่วประเทศ
ด้านนางสาวภัคศรัณย์ โอสถสงเคราะห์ หัวหน้ากลุ่มงานป้องกันการทุจริต กล่าวว่า โครงการปักหมุดพื้นที่เสี่ยงต่อการทุจริต เป็นโครงการต่อเนื่อง เริ่มมาตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน และปีนี้เป็นโครงการเชิงการเก็บรวบรวมข้อมูลและแสวงหาแนวทางการต่อต้านการทุจริตจากข้อมูลจริงในพื้นที่ ผ่านกระบวนการวิเคราะห์ โดยใช้หลักการประเมินความเสี่ยง และการคาดการณ์อนาคต โดยกลุ่มผู้เข้าร่วมให้ข้อมูลคือ เครือข่ายชมรม STRONG – จิตพอเพียงต้านทุจริตในทุกจังหวัด ร่วมกับเจ้าหน้าที่และผู้บริหารสำนักงาน ป.ป.ช. ร่วมรวบรวมข้อมูล พร้อมติดตามผลความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาให้ลดลง หรือหากแก้ไขไม่สำเร็จก็นำไปสู่การดำเนินคดี อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการประชุมเชิงปฏิบัติการร่วมกับเครือข่ายครั้งนี้จากผู้เข้าร่วมกว่า 100 คน จาก 12 อำเภอ ภายใต้หัวข้อ “แนวทางการจับตามองและแจ้งเบาะแสการป้องกันการรุกล้ำเขตทางหลวงในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา” จะนำไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างแน่นอน
เกียรติยศ ศรีสกุล ผอ.ข่าว TOPNEWS ภาคกลาง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง