ลังจากเพจดังโพสต์เฟซบุ๊กแฉ บริษัทแห่งหนึ่งเปิด “ซื้อขายเงินดิจิทัล หรือสินทรัพย์ดิจิทัล” มีผู้ร่วมลงทุนจำนวนมาก ปิดบริษัทหนี ทิ้งผู้ร่วมลงทุน ล่าสุด ผู้เสียหายรวมตัวฟ้องเอาผิด บริษัทแชร์ลูกโซ่แล้ว คาด มีผู้เสียหายหลายพันราย มูลค่าจำนวนเงินนับร้อยล้านบาท
จุดเริ่มต้นมาจากเพจ Facebook Drama Addict โพสข้อความเมื่อไม่กี่วันก่อน ว่า” เร็วๆนี้จะมีแชร์ลูกโซ่รายใหญ่มาก ใกล้เคียง forex 3d วงแตกอีกรอบ รอบนี้มหึมามาก แถมสื่อหลายเจ้ายังปั้นความน่าเชื่อถือให้มันด้วย” “สเต็ปต่อไปหลังแชร์ล่มคือแม่ทีม จะแก้ตัวโน่นนี่แล้วพยายามผันตัวเป็นผู้เสียหายร่วม แต่ตำรวจกับศาลไม่โดนหลอกง่ายๆหรอก สมัยยูฟันก็งี้”
จากนั้น ผู้สื่อข่าวได้เข้าไปสังเกตการณ์ในกลุ่มไลน์รวบรวมผู้เสียหายที่ร่วมลงทุนกับแอปพลิเคชั่นที่ชื่อว่า “นาส แอพ” ซึ่งเป็น Application ลงทุนแชร์โดยอ้างอิงจากอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินสากล เช่นดอลลาร์สหรัฐ อัตราเเลกเปลี่ยนสกุลเงินบิทคอยน์ ก็พบว่ามีผู้เสียหายอยู่ในกลุ่มแล้วไม่ต่ำกว่า 600 คน ยังไม่รวมผู้เสียหายทั่วประเทศ ที่คาดว่าน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 2 พันคน ทั้งผู้เสียหายและจำนวนเงินน่าจะไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
สำหรับกลุ่มไลน์ ผู้เสียหายมีการแชร์ข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นสลิปโอนเงิน วิธีการชักชวน และอัตราผลตอบแทนต่างๆที่ผู้เสียลงทุนไป เช่นลงทุน 10,000 บาทจะได้รับผลตอบแทนกี่บาท รวมไปถึงวิธีการชักชวนให้ผู้อื่นเข้าร่วมลงทุนด้วย ขณะเดียวกันกลุ่มผู้เสียหายบางส่วน เพยายามติดต่อรวมตัวกันเพื่อรวมตัวกันไปแจ้งความ
ล่าสุด เมื่อช่วงสายวันนี้(21ก.ย.)ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่กองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ สอท. หรือตำรวจไซเบอร์ พบผู้เสียหายกลุ่มหนึ่งประมาณ 20-30 ราย เกือบทั้งหมดเป็นผู้เสียหายที่ถูกหลอกให้ร่วมลงทุนจาก Application “นาส แอพ” เมื่อไปถึงผู้สื่อข่าวพยายามจะสอบถามข้อมูลต่างๆแต่ไม่ได้รับความร่วมมือเท่าที่ควร บางรายบอกว่ารู้สึกอับอายและไม่กล้าให้ข้อมูล เนื่องจากกลัวว่าญาติพี่น้องหรือคนในครอบครัวจะรู้
แต่มีผู้เสียหายบางราย(เสื้อเหลือง)ให้ข้อมูลว่า ตนเองร่วมลงทุนไป รวมแล้วประมาณ 50,000 บาท มีเพื่อน ๆ ที่เคยลงทุนแนะนำ ชื่อในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมาไม่มีงานทำและรายได้ไม่เข้าเนื่องจากสถานการณ์ covid-19 พอศึกษารายละเอียด ก็รู้สึกว่าน่าสนใจจึงลงทุนครั้งแรกไปเป็นเงิน 1,990 บาท ผ่านไปไม่กี่วันก็ได้ผลตอบแทนกลับมา 300 กว่าบาท จากนั้นจึงตัดสินใจลงทุนเพิ่ม ซึ่งวิธีการจะแบ่งการลงทุนเป็นลำดับ//ลำดับสูงก็ต้องลงทุนมากมีตั้งแต่หลักพัน บาทไปจนถึงหลักหมื่นบาท โดย เงินปันผลจะยึดอัตราการแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศหรือสกุลเงินบิทคอยน์ ขณะที่เงินตอบแทนที่ได้รับก็จะเป็นสกุลเงินดอลลาร์ไม่ใช่สกุลเงินบาท
ด้วยความโลภ จึงตัดสินใจลงทุนเพิ่มรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 50,000 บาท
กระทั่งเมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา มีกระแสข่าวลือว่ามีแม่ข่ายบางราย ถอนเงินออกทั้งหมด ตอนนั้นก็ยังไม่คิดอะไรจึงปล่อยผ่านจนข่าวลือเริ่มหนาหูจึงตัดสินใจเข้า Application ปรากฏว่า Application ดังกล่าวไม่สามารถเข้าไปทำธุรกรรมใดๆได้อีกจึงคิดว่าถูกหลอกแล้ว
ขณะที่ผู้เสียหายอีกราย(เสื้อแดง ผู้หญิง) บอกว่าการลงทุนครั้งนี้ต้องสูญเงินไปกับการลงทุนแชร์ออนไลน์ครั้งนี้รวมแล้วกว่า 2 แสนบาท ซึ่งเป็นเงินของคนในครอบครัวมาร่วมลงทุน ส่วนวิธีการก็จะมีโค้ชหรือแม่ข่าย คอยชักชวนให้เพิ่มเงินหรือระดมทุนให้มากขึ้น ไล่ตั้งแต่ระดับที่ 1 ถึงระดับที่ 7 จึงลงทุน ไปเรื่อยๆ บางครั้งก็ไปหาคนมาเข้าร่วมลงทุนด้วย เพื่อที่จะได้ผลตอบแทนหรือเงินปันผลให้มากขึ้นสุดท้ายด้วยความโลภพอรู้ตัวว่าถูกหลอก ก็มืดแปดด้านและไม่รู้จะหาเงิน มาคืนครอบครัวได้อย่างไร จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความร้องทุกข์)
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ก็ได้อำนวยความสะดวกให้ผู้เสียหาย โดยสร้าง QR Code เพื่อให้ผู้เสียหายทั้งหมดกรอกข้อมูลลงไปพร้อมกับแนบเอกสารหลักฐาน พร้อมขอความร่วมมือผู้เสียหายไม่ต้องเดินทางมาแจ้งความด้วยตัวเอง แต่จะให้กรอกข้อมูลลงใน QR Code แทน เพื่อรวบรวมผู้เสียหายทั้งหมดจากนั้นก็จะส่งให้กับตำรวจในพื้นที่เพื่อเรียกมาสอบสวนต่อไป
สำหรับแอปNASAPP อ้างว่า มีการเปิดมาแล้ว 3 ปี สมาชิกกว่า 8 แสนคน และได้ครองตลาดทั้งยุโรปและเอเชียก่อนจะมาเปิดสาขาในประเทศไทย การสมัครต้องบังคับใส่รหัสเชิญชวน ถ้าไม่มีรหัสเชิญชวนก็จะสมัครไม่ได้ แอปนี้สามารถรับเงินเดือนจากบริษัทได้ หากทำตามเงื่อนไขบริษัท คือ การชวนเพื่อนมาลงทุนด้วย เช่น 30 คนรับ 1หมื่นบาท
รายละเอียดดูได้ที่แฟนเพจเฟซฯโดยมีเงื่อนไขว่า 1.ต้องมีกลุ่มไลน์ 2.ต้องมีaddmin ของบริษัทเข้ากลุ่ม 3.ต้องมีการส่งงานการเทรด 4.รักษายอด เช่น 1 เดือนต้องชวนเพื่อนกี่คน ตามเงื่อนไข ซึ่งคล้ายกับใบเชิญชวน กำไรที่แอปนี้จ่ายต่อวันมากสูงถึง 1-3 เปอร์เซ็นต์ต่อวัน เท่ากับ 1 ปีก็จ่ายสูงถึง 300 กว่าเปอร์เซ็นต์
แอปนี้ประกาศโฆษณาหลอกลวงเชิญชวน จนมีผู้หลงเชื่อเข้าไปลงทุกจำนวนกว่า 6,000 คน มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นกว่า 6 พันล้าน