อึ้ง “ต่างด้าว” ล้ำเส้นคนไทย จี้รบ.ใหม่ ให้สัญชาติ การศึกษา อาชีพ

ชำแหละข้อเสนอเครือข่ายต่างด้าวชง “รบ.แพทองธาร” จี้กำหนดสถานะผู้อพยพ-ลี้ภัย ให้สัญชาติเด็กที่เกิดในไทย แก้กฎหมายเปิดทางให้เข้าถึงระบบทะเบียนราษฎร-ประกอบอาชีพได้ พบเคลื่อนไหวกับเครือข่ายแรงงานสีส้ม ยื่นหนังสือผ่านพรรคส้มเป็นประจำ

ลอึ้ง “ต่างด้าว” ล้ำเส้นคนไทย จี้รบ.ใหม่ ให้สัญชาติ การศึกษา อาชีพ

 

แรงงานต่างด้าว

ข่าวที่น่าสนใจ

เป็นประเด็นที่คนไทยฟังแล้วถึงกับอึ้งไปตามๆ กัน เมื่อเครือข่ายปฏิรูปการโยกย้ายถิ่นฐาน หรือ TMR ,เครือข่ายประชากรข้ามชาติ หรือ MWG , เครือข่ายสิทธิผู้ลี้ภัยและคนไร้รัฐ หรือ CRSP ได้ออกจดหมายเปิดผนึกข้อเสนอแนะนโยบายแก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่จะแถลงต่อรัฐสภา ในด้านการบริหารจัดการการโยกย้ายถิ่นฐานผู้อพยพ และผู้ลี้ภัยในประเทศไทย

 

โดยเนื้อหาสำคัญของข้อเสนอแนะจากเครือข่ายดังกล่าว มีทั้งหมด 3 ระยะ ดังนี้

1.ระยะเร่งด่วน ให้รัฐบาลพิจารณากำหนดนโยบายด้านการบริหารจัดการ กลุ่มผู้อพยพโยกย้ายถิ่นฐาน และผู้ลี้ภัยทุกกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ลี้ภัยจากสถานการณ์ความไม่สงบ ภายในประเทศเมียนมา ซึ่งเข้ามาในประเทศไทยแล้ว โดยมีการดำเนินการ อาทิ

-ให้คณะรัฐมนตรีเร่งพิจารณาใช้อำนาจตามมาตรา 17 ของพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 กำหนดสถานะผู้อพยพลี้ภัยที่อยู่ในไทย ผู้อพยพลี้ภัยจากเมียนมา ผู้อพยพโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติ และเร่งกำหนดสถานะให้แก่เด็กกลุ่มต่างๆ เพื่อให้เอื้อต่อการเข้าถึงสิทธิ์ด้านการศึกษา สาธารณสุข และการทำงานได้ ตลอดจนพิจารณาปรับเกณฑ์และกลไก เพื่อการมีสัญชาติไทยของเด็กที่เกิดในไทย

-ให้ยุติการกักขังโดยไม่มีกำหนดเวลา ต่อผู้อพยพโยกย้ายถิ่นฐาน และผู้ลี้ภัยทุกกลุ่ม รวมทั้งกำหนดมาตรการทางเลือกแทนการกักขัง ให้แก่ผู้อพยพโยกย้ายถิ่นฐาน และผู้ลี้ภัยทุกกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ลี้ภัยชาวอุยกูรย์มากกว่า 40 คน ซึ่งถูกกักตัวอยู่ในสถานกักตัวคนต่างด้าวมาเป็นเวลานาน 10 ปี และชาวโรฮีนจาจากประเทศเมียนมา
-เร่งรัดการเปิดจดทะเบียนแรงงานข้ามชาติ รวมทั้งการต่ออายุใบอนุญาตทำงานของแรงงานข้ามชาติ ที่ใบอนุญาตทำงานจะสิ้นสุดการอนุญาตในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 68 เพื่อป้องกันผลกระทบและอันตราย จากมาตรการการเกณฑ์ทหารของรัฐบาลเมียนมา

2.ระยะกลาง ให้รัฐบาลพิจารณากำหนดนโยบายด้านการบริหารจัดการ พื้นที่ชายแดน เพื่อรองรับกับแนวโน้มของสถานการณ์ในอนาคต อาทิ
-ปรับปรุงแนวทางปฏิบัติในการบริหารจัดการ กรณีบุคคลชาวเมียนมาเดินทางเข้าไทยตามแนวชายแดน อันเนื่องมาจากการได้รับผลกระทบ จากสถานการณ์ความไม่สงบในเมียนมา โดยยึดหลักการไม่ผลักดันส่งกลับไปสู่ภัยอันตรายต่อชีวิต
-พิจารณาจัดทำมาตรการ เพื่อยุติการสร้างความเกลียดชัง และทัศนคติในด้านลบของสังคมไทย ต่อชุมชนผู้อพยพโยกย้ายถิ่นฐาน และผู้ลี้ภัยในประเทศไทย และให้มีมาตรการส่งเสริมทัศนคติที่ดีของสังคมไทย และส่งเสริมความเข้าใจเรื่องสิทธิมนุษยชนของชุมชนผู้อพยพโยกย้ายถิ่นฐาน และผู้ลี้ภัยในประเทศไทย

3.ระยะยาว ให้รัฐบาลพิจารณากำหนดนโยบาย ด้านการบริหารจัดการการโยกย้ายถิ่นฐาน อาทิ
-พิจารณาปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติทะเบียนราษฎร์ พ.ศ.2534 เพื่อให้ผู้โยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติ สามารถเข้าถึงสถานะบุคคลและทะเบียนราษฎร และสถานะการอยู่อาศัย ตลอดจนการคุ้มครองได้
-พิจารณาปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 โดยกำหนดสิทธิ์และมาตรการคุ้มครองกลุ่มเปราะบาง โดยยึดหลักการไม่ผลักดันส่งกลับไปสู่ภัยอันตรายต่อชีวิต การยุติการกักขัง เพื่อรอการส่งกลับอย่างไม่มีกำหนด สิทธิ์ในการอยู่ร่วมกันในครอบครัว
-พิจารณาปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ให้เอื้อต่อการทำประกอบอาชีพที่สุจริต สำหรับคนที่ไม่มีสัญชาติไทย

ทั้งนี้ ข้อเรียกร้องดังกล่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเหมาะสมหรือไม่ และเรียกร้องเกินไปหรือไม่ เช่น ข้อเรียกร้องให้แก้พระราชบัญญัติประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ให้เอื้อต่อการประกอบอาชีพที่สุจริต สำหรับคนที่ไม่มีสัญชาติไทย จะเป็นการเปิดช่องทางในการแย่งงานคนไทยหรือไม่ หรือข้อเรียกร้องให้ลูกหลานที่เกิดในไทย ได้มีสัญชาติไทยในอนาคต

 

 

ขณะเดียวกันเมื่อตรวจสอบการเคลื่อนไหวของเครือข่ายเหล่านี้ พบว่า ได้เคลื่อนไหวจัดกิจกรรมเสวนา กับเครือข่ายแรงงานสีส้ม รวมทั้งการเคลื่อนไหวยื่นข้อเรียกร้องต่างๆ ก็มักจะยื่นต่อกลไกกรรมาธิการสภาฯ โดยมี สส.พรรคส้มมาเป็นผู้รับหนังสือ เช่น เมื่อพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน 63 นายอดิศร เกิดมงคล ตัวแทนเครือข่ายประชากรข้ามชาติ ก็ไปยื่นข้อเรียกร้องกับคณะกรรมาธิการการสวัสดิการสังคม สภาฯ ซึ่งนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.พรรคประชาชน และในฐานะรองโฆษกกรรมาธิการ ก็มาเป็นผู้รับหนังสือ ,วันที่ 26 ตุลาคม 66 นายอดิศรกับเครือข่าย ก็ไปยื่นหนังสือปัญหาการเข้าถึงการบริการสุขภาพของบุคคลไม่มีสัญชาติไทย ต่อคณะกรรมาธิการศาลฯ

 

ซึ่งก็มีนางสาวเบญจา แสงจันทร์ สส.ก้าวไกลในขณะนั้น ในฐานะกรรมาธิการศาลฯ พร้อมด้วย สส.ก้าวไกลอีกจำนวนหนึ่ง มารับหนังสือจากนายอดิศร จนมีการตั้งข้อสงสัยว่า เครือข่ายคนกลุ่มนี้ มีใครอยู่เบื้องหลังหรือไม่ เพราะหลายข้อเสนอ ก็ดูจะไปในทิศทางเดียวกับนโยบายเกี่ยวกับแรงงานต่างด้าว และนโยบายต่อสถานการณ์ผู้ลี้ภัย จากการสู้รบในเมียนมาของบางพรรคการเมืองหรือไม่

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

สลด กระบะชนจยย.พลิกคว่ำตก "ดอยโป่งแยง" เชียงใหม่ เจ็บตายรวม 13 ราย
“สมศักดิ์” ยกนวดไทยเป็นมรดกชาติ สร้างมูลค่าเศรษฐกิจสุขภาพ เล็งพาหมอนวดโกอินเตอร์ โชว์ฝีมืองาน เวิลด์เอ็กซ์โปโอซาก้า ญี่ปุ่น
ห่ามาแล้ว! “แม่สอด” พบติดเชื้ออหิวาต์ เผยญาติฝั่งพม่าซื้อข้าวมากินด้วยกัน
ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ สั่งตั้งคกก.สอบ "ตร.จราจร" รีดเงินแทนเขียนใบสั่ง
สตม. บุกทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กลางคอนโดหรูห้วยขวาง รวบ 6 คนจีน อึ้งเจอซิมการ์ด 2 แสนซิม
ครูบาอริยชาติ เชิญชวนพุทธศาสนิกชน ฉลองสมโภช 18 ปีวัดแสงแก้วโพธิญาณ และทำบุญฉลองอายุวัฒนมงคล 44 ปี
กกต.สั่งดำเนินคดีอาญา "ชวาล" ส.ส.พรรคประชาชน ยื่นบัญชีใช้จ่ายเท็จ โทษคุก-ตัดสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี
จีนเตือนสหรัฐกำลังเล่นกับไฟหลังส่งอาวุธให้ไต้หวัน
อิลอน มัสก์วิจารณ์แรงผู้นำเยอรมันเหตุโจมตีตลาดคริสต์มาส
ซาอุฯเคยเตือนเยอรมนีเรื่องคนร้ายโจมตีตลาดคริสต์มาส

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น