ยูนิเซฟชี้ สุดช็อกกับความสยองขวัญที่ไม่อาจจินตนาการได้ หลังตำรวจมาเลเซียบุกช่วยเหลือเด็ก 402 คนถูกทารุณกรรมทางร่างกายและทางเพศในบ้านเด็กกำพร้า20 แห่ง
เมื่อวันพฤหัสบดี โรเบิร์ต กาสส์ ผู้แทนยูนิเซฟประจำมาเลเซีย ซึ่งเป็นหน่วยงานช่วยเหลือเด็กของสหประชาชาติ ได้ออกมาแสดงความเห็นถึงเหตุการณ์สุดช็อก ที่ตำรวจได้บุกบ้านเด็กกำพร้า เพื่อช่วยเหลือเด็กหลายร้อยที่ถูกทารุณกรรมออกมาได้ว่า เด็กเหล่านี้ต้องเผชิญกับ ความสยองขวัญที่ไม่อาจจินตนาการได้ และพวกเขาจะต้องได้รับการตรวจรักษา รวมถึงเยียวยาจิตใจโดยผู้เชี่ยวชาญในระยะยาว พร้อมเตือนว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นร้ายแรงและมักส่งผลต่อชีวิต
โดยเมื่อวันพุธ ตำรวจมาเลเซีย ได้เปิดปฏิบัติการบุกสถานเด็กกำพร้า 20 แห่งในรัฐเซอลังงอร์และเนกรีเซมบิลัน เพื่อช่วยเหลือเด็ก 402 คน ซึ่งประกอบด้วยเด็กชาย 201 คนและเด็กหญิง 201 คน อายุระหว่าง 1-17 ปี พร้อมจับกุมผู้ต้องสงสัยราว 170 ราย อายุระหว่าง 17-64 ปี รวมถึงครูสอนศาสนาอิสลามและผู้ดูแล
ตัน ศรี ราซารูดิน ฮูเซน ผู้บัญชาการตำรวจเปิดเผยผลการสอบสวนเบื้องต้นว่า เหยื่อถูกผู้ดูแลล่วงละเมิดทางเพศและถูกบังคับให้ล่วงละเมิดเด็กคนอื่นๆ อีกทั้งพบการทารุณกรรมอื่นๆ เด็กที่ป่วยไม่ได้รับอนุญาตให้ไปพบแพทย์จนกว่าอาการจะวิกฤต ส่วนเด็กอายุ 5 ขวบหลายคนถูกทำโทษ ด้วยการใช้ช้อนที่ถูกเผาให้ร้อนนาบบนผิว อีกทั้งพวกเขาตกเป็นเครื่องมือทางศาสนา เพื่อเรียกร้องความเห็นใจ และเงินบริจาค
ตำรวจกล่าวว่า บ้านเด็กกำพร้าเหล่านี้ดำเนินการโดย GISB (Global Ikhwan Services and Business) ซึ่งเป็นองค์กรธุรกิจชื่อดังที่มีความเชื่อมโยงกับนิกายอิสลามหนึ่งที่ถูกแบนไปตั้งแต่ปี 2537 และระบุเพิ่มเติมว่า การสอบสวนเบื้องต้นยังเผยให้เห็นว่าเด็กเหล่านี้ไม่ใช่เด็กกำพร้า หลายคนถูกส่งไปที่บ้านเหล่านี้ตั้งแต่ยังเป็นทารก โดยที่ผู้ปกครองทราบเรื่อง และถูกปลูกฝังลัทธิศาสนา อีกทั้งตำรวจยังเชื่อว่า เด็กเหล่านี้เป็นลูกหลานของกลุ่มสมาชิก GISB อย่างไรก็ดี GISB ปฏิเสธข้อกล่าวหาใดๆ และระบุในแถลงการณ์ว่า ไม่ได้บริหารจัดการบ้านพักเหล่านี้
