นายจุลพันธ์ ย้ำว่า โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัล วอลเล็ต สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ได้ทุกอย่าง หนึ่งคือ การกระตุ้นเศรษฐกิจในปัจจุบันในปลายเดือนก.ย.นี้ และช่วยการกระตุ้นเศรษฐกิจในรอบถัดๆไป สอง คือ บรรลุวัตถุประสงค์ในการทำโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล คือ ดิจิทัล วอลเล็ต สามารถช่วยสร้างความคุ้นชินให้กับประชาชนได้ และประสบความสำเร็จที่ทำให้แอบพลิเคชั่นทางรัฐมีประชาชนมาใช้งาน
ทั้งนี้ ผู้ที่ลงทะเบียนในเฟส 2 ต้องรอรับเงินปีหน้าหรือไม่นั้น นายจุลพันธ์ ยืนยันว่า มีการจัดสรรงบประมาณไว้แล้ว 1.87 แสนล้านบาทไว้แล้ว แต่อาจจะต้องจ่ายได้ในปีหน้า แต่อยากให้กำหนดเวลาว่า จะต้องได้ภายในไตรมาสแรก ปี 68 หรือไม่ แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องมีคำตอบที่ชัดเจนออกมา
ส่วนแนวคิดเฟส 2 จะมีการแบ่งจ่ายเป็นเงินสด 5,000 บาทและอีกส่วนจ่ายเป็นดิจิทัล วอลเล็ต ยังดำเนินแบบนี้หรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ยังพูดชัดไม่ได้ รอตัวเลขสุดท้าย พอลงทะเบียนเสร็จ มีการตรวจสอบสิทธิ์ทั้งหมด เมื่อรู้ยอดทั้งหมดก็จะมาบริหารจัดการได้ หากมียอดลงทะเบียนไม่มาก เช่นประมาณ 32 ล้านคน อาจจะทำทีเดียวจบก็ได้ แต่ถ้ามีคนลงทะเบียนเพิ่มเติม อาจต้องพิจารณาให้เหมาะสมต่อไป
นายจุลพันธ์ ยืนยันว่า สำหรับกลุ่มเปราะบางที่ได้รับเงิน ไม่มีข้อจำกัดในการใช้จ่าย ส่วนเหตุผลที่ไม่จ่ายผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพราะบัตรสวัสดิการก็มีข้อจำกัดบางอย่าง เช่น บัตรสวัสดิการฯ ใช้ได้เฉพาะร้านธงฟ้า หรือนำไปจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ แต่การให้เป็นเงินสด เพื่อปลดล็อกข้อจำกัดเหล่านั้นจึงต้องโอนเงินเข้าบัญชี
นายจุลพันธ์ ยืนยันว่า ไม่มีแนวคิดแบ่งกลุ่มผู้สูงอายุออกมา เพื่อจะจ่ายเงินเพิ่มอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งแต่ละกลุ่มที่จะได้รับเงินก็มีความทับซ้อนกันอยู่ ซึ่งการจะเพิ่มกลุ่มคงเป็นไปได้ยาก เพราะงบประมาณที่เตรียมไว้ 1.45 ล้านบาทถูกกำหนดไว้ชัดเจนแล้ว การจะไปเพิ่มกลุ่มคงจะลำบาก
นายจุลพันธ์ ยอมรับว่า การจ่ายเป็นเงินสดสามารถนำไปใช้จ่ายได้ง่าย จ่ายคล่อง แต่มีข้อจำกัดที่ทำให้การหมุนเศรษฐกิจลดลง แต่ข้อดีการจ่ายไปที่กลุ่มเปราะบางจะได้ผลค่อนข้างมาก สามารถเกิดการใช้จ่ายได้เต็มที่ ซึ่งถือว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยกลไกนี้ยอมรับได้ในกลุ่มแรก
นายจุลพันธ์ ยืนยันว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ได้ทำเพียงโครงการเดียว ซึ่งเข้าใจว่า เป็นโครงการที่ใช้เม็ดเงินเยอะ และมีการมองว่าเป็นโครงการเรือธง แต่รัฐบาลไม่ได้มีมิติเดียว แต่ยังมีโครงการอื่นที่เป็นการสร้างการกระจายเม็ดเงินไปทั่วประเทศ และยังมีโครงการเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ที่อยู่ระหว่างการพิจารณา รวมถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจเพื่อรองรับการแข่งขันที่เปลี่ยนไป
สำหรับเป้าหมายโครงการนี้เป็นเพียงการแจกเงินหรือกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะอาจไม่ตรงเป้าหมายตอนแรกที่เกิดพายุหมุนเศรษฐกิจ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า มันก็เกิดพายุอยู่ จะใหญ่จะย่อมลงไปบ้าง อย่างไรก็เกิดเป็นพายุหมุน ถึงแม้จะเปลี่ยนเงื่อนไขก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย
สำหรับข้อดี การกระตุ้นเศรษฐกิจมี 2 ระลอก จะเกิดระลอกคลื่นต่อผลกระทบในเชิงบวกต่อระบบเศรษฐกิจมีความต่อเนื่องและยาวนาน ซึ่งรัฐบาลก็ปฏิบัติตามข้อห่วงใยของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เคยทักท้วงว่า การลงเห็นไปครั้งเดียวเห็นตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง แต่ปีหน้าการเติบโตทางเศรษฐกิจลดลง ซึ่งกลไกนี้จะช่วยให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่มีระยะยาวขึ้น
“การใส่ก้อนใหญ่ไปตูมเดียว มันจะเกิดคลื่นลูกใหญ่ แต่ไม่ระยะยาว ไม่เกิดแรงเหวี่ยงเศรษฐกิจในระยะยาว ซึ่งก็เราก็คิดก็ต้องหากลไลอื่นไปเสริม ขณะเดียวกันเมื่อรูปแบบเปลี่ยน กลไกกระตุ้นเศรษฐกิจให้เป็นระลอก มีแรงเสริมส่ง ระลอกแรกลงไป มีระยะเวลาเว้นที่ให้เงินที่เข้าไปมีผลต่อระบบเศรษฐกิจแล้ว เติมก้อนถัดไปเพื่อให้มีคลื่นต่อเสริมส่งจากระลอกแรก เพื่อให้มีผลกระทบเศรษฐกิจที่ต่อเนื่อง”
นายจุลพันธ์ ยืนยันว่า ไม่มีการล้มโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัล วอลเล็ตในเฟส 2 แน่นอน ไม่มีการลอยแพ ซึ่งคนที่ลงทะเบียนทุกคนจะต้องได้เงินถึงมือ
ส่วนจะทันปีใหม่ 2568 เพื่อเป็นของขวัญให้กับประชาชนได้หรือไม่นั้น นายจุลพันธ์ กล่าวว่า อย่ากำหนดเวลาขนาดนั้นเลย เดี่ยวงานเร่งอีก
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะได้เงินครบทุกคนภายในรัฐบาลนี้ที่มีเวลาอีก 3ปี หรือไม่ นายจุลพันธ์ ยิ้มพร้อมกับกล่าวว่า ครบ แต่ คงไม่รอถึง 3 ปีขนาดนั้นมั้ง
ส่วนจะต้องรอการจัดสรรงบปี 69 หรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้ลงรายละเอียดแต่ดูความเหมาะสมอีกครั้ง