ข่าวที่น่าสนใจ
เริ่มที่ “ปิยบุตร แสงกนกกุล” ผู้นำจิตวิญญาณพรรคส้ม จี้ให้พรรคก้าวไกลเดิม หรือ พรรคประชาชน ถอดบทเรียนแห่งความปราชัยในครั้งนี้แพ้เพราะ ฝ่ายอนุรักษ์นิยมสนธิกำลังกันดับอหังการ์พายุส้ม “ชนชั้นนำ 3 ฝ่าย คือ 1.ชนชั้นนำดั้งเดิมจารีต 2.ชนชั้นนำการเมืองจากทุกพรรค ทุกค่าย และ3. ชนชั้นนำทางเศรษฐกิจ ที่จะนำ “พิษณุโลกโมเดล” ไปขยายผลในการเลือกตั้ง สส.ทั่วประเทศ เจ็บใจไม่ต่างจากกัน นั้นคือ “ช่อ” พรรณิการ์ วานิช แกนนำระดับท็อปไฟว์ของคณะก้าวหน้าที่มี “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” เป็นประธาน คาใจคะแนนหายไปไหนถึงหมื่นกว่าคะแนน เพราะการเลือกตั้งเมื่อปี 2566 “หมออ๋อง” ชนะถึง 4 หมื่นคะแนน แต่นอมินี “หมออ๋อง” กลับได้แค่ 3 หมื่นคะแนน
“ช่อ” พรรณิการ์ วานิช ฟันธงเหตุผลที่แพ้ เพราะ 1.ไม่มีการเลือกตั้งล่วงหน้า คนมาใช้สิทธิ์น้อย และ 2.กางคะแนดิบ ๆ เย้ยพรรคเพื่อไทยไม่ได้คะแนนเพิ่ม 48%แต่อย่างใด หรือแม้แต่ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ออกมาปลอบใจพรรคส้ม ยกวลีเด็ดขึ้นมาให้กำลังใจ ชนะอาจไม่ใช่จุดหมาย แพ้อาจไม่ใช่ปลายทาง เพราะการเมืองคือ เกมส์ยาว แพ้ชนะเป็นเรื่องปกติ ยังต้องสู้กันอีกหลายยก อย่าเพิ่งท้อถอดใจ
ระดับผู้นำทางความคิดเจ็บกระดองใจกันระนาว แพ้ได้อย่างไร เพราะอย่าลืมว่า ก่อนวันหย่อนบัตรเลือกตั้งเพียงไม่กี่วัน สำนักโผชื่อดังระดับจังหวัดเทข้าง เด็กก้นกุฏิ “หมออ๋อง” ลอยลำเข้าวินชัวร์ แต่กลับกลายเป็นว่า เด็กปั้นค่ายเสื้อแดงของ “นายใหญ่เพื่อไทย” ชนะแบบหักปากกาเซียน จะไม่เจ็บกระดองใจได้อย่างไร ที่สำคัญถือว่าเป็นครั้งแรกที่ “พรรคเพื่อไทย” เจาะไข่แดงเขตการเลือกตั้งในจังหวัดพิษณุโลกได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ที่ไม่เคยมี สส.พรรคเพื่อไทยเจาะเข้าได้สำเร็จ
ดั่งเช่นคำพูดของ “ปิยบุตร แสงกนกกุล” ผู้นำจิตวิญญาณพรรคส้มพูดถูก ศึกนี้เป็นการแท็กทีมกันระหว่างพรรคฝ่ายอนุรักษ์นิยม นั้นคือ พรรคพลังประชารัฐ และ พรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่ส่งคนลงแข่งเพื่อไปตัดคะแนนกันเอง จึงทำให้ผู้สมัครฝ่ายอนุรักษ์นิยมคะแนนไม่กระจัดกระจาย แต่เมื่อ “ฟัดกันแบบตัวต่อตัว” ฐานเสียงฝ่ายเสื้อแดง และ เสื้อเหลือง แท็กทีมกัน จึงโค่น เสื้อส้มได้สำเร็จ ยิ่งได้กุนซือทางการเมืองระดับเขี้ยวลากดินอย่าง “สมศักดิ์ เทพสุทิน” ซึ่งมีถิ่นอิทธิพลในจังหวัดสุโขทัยจังหวัดใกล้ ๆ กับจังหวัดพิษณุโลก ยิ่งเป็นพรรครัฐบาลกำอำนาจรัฐอยู่ในมือย่อมได้เปรียบ สำทับเข้าไปอีกได้ “เจ้าเมืองพิษณุโลก” คนใหม่ นั้นคือ “มนต์ชัย วิวัฒน์ธนาฒย์” นายกอบจ.จังหวัดพิษณุโลก กลุ่มพลังพิษณุโลก ที่เพิ่งชนะเด็กปั้นของ “หมออ๋อง” “หนูนา” สิริพรรณ คุณประจักษ์นุกูล ศึกชิงเก้าอี้นายกอบจ.จังหวัดพิษณุโลกเมื่อวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา คะแนนทิ้งห่างกันเท่าตัว เข้ามาหนุนหลังเทคะแนนให้ “เด็กปั้น” ค่ายเสื้อแดงพรรคเพื่อไทย ตอกย้ำชัยชนะศึกนี้ฝ่ายอนุรักษ์นิยมสนธิกำลังกันดับอหังการ์พายุส้มชัด ๆ
จึงไม่แปลกเหตุใด 2 ผู้นำจิตวิญญาณพรรคส้มจึงเจ็บกระดองใจ ยังไม่รวมถึงสนามเลือกตั้งก่อนหน้านี้ ศึกเลือกตั้งชิงเก้าอี้นายกอบจ.จังหวัดราชบุรี “กำนันตุ้ย” วิวัฒน์ นิติกาญจนา ปิดหีบนับคะแนนชนะ “ชัยรัตน์ ศักดิ์อิสระพงศ์” พรรคก้าวไกลเดิม หรือ พรรคประชาชน ยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่า ฝ่ายอนุรักษ์นิยมแท็กทีมกันเหนียวแน่น ในวันที่ “กำนันตุ้ย” วิวัฒน์ นิติกาญจนา ชูมือประกาศชัยชนะ เหล่า สส.พรรคร่วมรัฐบาลข้ามขั้วที่เป็นพรรคฝ่ายอนุรักษ์นิยม ยกทีมกันมาทั้งจังหวัดราชบุรี ทั้ง 5 เขต อาทิ “บุญยิ่ง นิติกาญจนา” ภริยากำนันตุ้ย , จตุพร กมลพันธ์ทิพย์ และ ชัยทิพย์ กมลพันธ์ทิพย์ ทั้ง 3 คนเป็นสส.พรรคพลังประชารัฐ ทั้งยังมี “กุลวลี นพอมรบดี” และ “อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ทั้ง 2 เป็น ส.ส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ มาร่วมประกาศชัยชนะ เมื่อวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา ภายหลังปิดหีบนับคะแนน
ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่า ศึกเลือกตั้งซ่อม สส.จังหวัดพิษณุโลกถิ่นอิทธิพล “หมออ๋อง” พรรคก้าวไกลเดิมแพ้ เพราะการเมืองบ้านใหญ่ฝ่ายอนุรักษ์นิยมแท็กทีมกันดับอหังการ์พายุส้ม จึงหวั่นใจแทนพรรคก้าวไกลเดิม การเลือกตั้งครั้งหน้าตามที่ผู้นำสูงสุดพรรคส้ม โหมโรงไว้เยอะว่า จะแลนด์สไลด์ตั้งรัฐบาลพรรคเดียวสำเร็จ ดูทรงน่าจะรากเลือดเสียมากกว่า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
