“อดีตบิ๊กข่าวกรอง” ชี้พรรคประชาชนสมควรแพ้เลือกตั้ง ห่วงแต่แรงงานพม่า “เจี๊ยบ อมรัตน์” โบ้ยแพ้เพราะคนขายเสียง

Top news รายงาน แพ้ยับเยิน แพ้แล้วแพ้อีก แพ้แบบไม่รู้จำคำว่าชนะเลยทีเดียว สำหรับการเลือกตั้งท้องถิ่นและระดับชาติในระยหลัง ที่ผู้สมัครจากพรรคส้มแพ้ลูกเดียว แล้วก็ยังเถียงข้างๆ คูๆ โดยมักจะอ้างเหตุผลว่า แพ้เพราะฝ่ายตรงข้ามซื้อเสียงต่างๆนาๆ แต่ไม่เคยนำหลักฐานไปแจ้งความ ล่าสุดพบว่าวันนี้ นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล แกนนำพรรคประชาชน ได้ทวีตข้อความว่า ตอบเรื่องการซื้อ-ขายเสียง กับคำถามประเภท “ถ้ามีจริง แถมทำกันโจ่งครึ้ม ทำไมไม่เอาหลักฐานไปจับไปดำเนินคดี”

โดยนางอมรัตน์ อ้างว่า มีแค่พยานบุคคล แค่คำบอกเล่า ผู้ได้รับเงินแล้วเล่าเอง กับหลักฐานประเภทแชตไลน์เท่านั้น พร้อมอธิบายเพิ่มเติมว่า

1.กรณีผู้ให้กับผู้รับเต็มใจกัน ใครจะยอมให้มีหลักฐาน ก็เหมือนแทงหวย และให้เงินใต้โต๊ะข้าราชการที่มีทุกวัน เคยจับได้ตัวใหญ่มั๊ย นานๆ จับคนเดินโพยได้ซักที ไปโรงพักแป๊บเดียว เดี๋ยวเจ้ามือใหญ่ก็วิ่งเต้นคดีให้ วิธีแจกทำมานาน ย่อมมีพัฒนาการไปไกล มีการปิดจุดอ่อน มีขั้นตอน มีการตัดตอนนักการเมืองที่ซื้อเสียงจากความผิด จ้างคนในชุมชนจดชื่อวันนึง ทำบ่อยๆ ก็มีรายชื่อกันอยู่แล้ว อีกวันมาแจกคูปองนัดสถานที่ อีกวันเอาคูปองไปขึ้นเงิน 1 คนที่เป็นตัวแทนไปรับ รับเผื่อครอบครัวเพื่อนบ้านด้วย ไม่ใช่ทุกคนต้องไปเองให้เอิกเกริก ต่อให้จับได้ ก็ไม่มีใครซัดทอดถึงตัวใหญ่ หลักฐานอ่อน ขึ้นศาลไปก็หลุด

2.ถึงจะใช้วิธีล่อซื้อแบบล่อซื้อยาบ้า ได้หลักฐานมาก็สาวไม่ถึงตัว เพราะเป็นแค่คนรับจ้างแจก ผู้สมัครไม่ได้เดินแจกเงินด้วยตัวเอง เคยมีกรณีได้หลักฐานภาพถ่ายรูปคนแจก และภาพถ่ายธนบัตร ที่นครปฐม เป็นข่าวใหญ่โตปี 62 ร้องเรียนไปที่ กกต.เรื่องก็เงียบหายจนถึงบัดนี้ คนจดชื่อ จะเป็นคนในชุมชนที่เค้ารู้จักกัน รู้ทัศนะทางการเมืองกันดี รู้ว่าใครเป็นตัวจี๊ด รักชอบการเมืองคนละฝั่ง เค้าก็ผ่านบ้านนั้นไป ไม่จดชื่อให้สุ่มเสี่ยงจะเกิดเรื่องร้องเรียน

3. ลองนึกถึงเจ้ามือหวยใต้ดินรายใหญ่ มีถูกตำรวจจับได้รึเปล่า เพราะเมียตำรวจเป็นเจ้ามือ ตัวตำรวจเองก็ซื้อหวยใต้ดิน

นางอมรัตน์ ระบุอีกว่า การล่อซื้อก็ไม่ใช่ง่าย ชาวบ้านที่ไหนอยากจะมีปัญหากับผู้มีบารมีในท้องถิ่น การสาดกระสุน เค้าสาดเผื่ออยู่แล้ว คำนวณและสาดไป หวังผลเข้าเป้าแค่ 60-70% ที่สามารถทำให้ชนะได้ ส่วนที่แจกแล้วโดนหลอก เค้าไม่ว่ากัน ที่สำคัญอีกอย่างคือภายหลังการเลือกตั้ง คนในชุมชนยังต้องมองหน้ากัน ยังต้องอยู่ร่วมกันต่อไปอีกนาน ไม่มีใครอยากมีปัญหากันด้วยเรื่องแบบนี้