แน่จริง 3 ศึกหน้า แก้มือให้ได้ พิสูจน์วาทกรรม ตายสิบเกิดแสน

บทสรุปแห่งความพ่ายแพ้ของ “พรรคส้ม” เพราะ “กระสุน” ชนะ “กระแส” ใช่หรือไม่?  แท้จริงต้องขยายความให้กว้างกว่านั้น เพราะการโฟกัสคำว่า “กระสุน” คือ การใช้เงินซื้อเสียงเพียงอย่างเดียวในทางการเมืองวิเคราะห์หยาบเกินไป ดั่งเช่นคำว่า “ระบบอุปถัมภ์” ที่มักถูกมองในแง่ลบมากกว่าแง่บวก  ที่มักเจาะจงลงไปว่า คือ “คะแนนจัดตั้ง”  ทั้งที่ระบบอุปถัมภ์อยู่คู่สังคมไทยวิถีพุทธมาอย่างยาวนาน ในสังคมและวัฒนธรรมตะวันออกที่นับถือพุทธศาสนาแบบไทย ๆ การช่วยเหลือเกื้อกูลกันในระดับท้องถิ่น น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งพา  เช่น ไปร่วมงานทำบุญขึ้นบ้านใหญ่ ไปร่วมงานบวช ไปร่วมงานศพ หรือ ช่วยเหลืองานการกุศลต่าง ๆ จนกลายเป็นเครือข่ายระบบอุปถัมภ์ค้ำชูกัน  ไม่ใช่โผล่หน้าไปในวันเลือกตั้งเพื่อขอคะแนน  ดังนั้นต้นทุนของผู้สมัครแต่ละคนจึงต่างกัน

ดั่งเช่นผู้สมัครของพรรคส้มกับผู้สมัครพรรคคู่แข่ง  แต่ไม่ปฏิเสธว่า “กระสุน” ส่วนหนึ่งคือ “คะแนนจัดตั้ง” ได้มาด้วยการใช้อำนาจเงินและอำนาจรัฐอยู่ฉากหลัง อาทิ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม. หรือ ผู้นำชุมชนที่เป็นเหมือนหัวคะแนน และมีการสืบทอดอำนาจทางการเมืองผ่านนามสกุล ที่รู้กันดีว่าคือ “บ้านใหญ่” นั้นเอง

นัยการเลือกตั้งท้องถิ่นกับการเลือกตั้งระดับชาติแตกต่างกัน  แต่ไม่ถึงขั้น หน้ามือกับ หลังมือ อยู่ที่ว่า “ต้นทุนทางการเมืองท้องถิ่น” ใครมากกว่ากัน  เพราะหากหวังขี่กระแสพรรคเพียงอย่างเดียวเห็นท่าจะไม่ไหว แม้กระแสพรรคจะดีแค่ไหน  แต่ไม่ได้ช่วยให้กำชัยชนะได้เสมอไป  ว่าการขี่กระแสพรรคแล้วจะเข้าวินสำเร็จ  เพราะกระแสพรรคไม่ได้เป็นตัวแปรชี้ขาดเพียงอย่างเดียวที่จะทำให้ชนะการเลือกตั้ง  ในที่สุดจะต้องไปวัดกันที่ “คะแนนจัดตั้ง” ด้วย / จึงไม่แปลกต้นทุนผู้สมัคร ระหว่าง “พรรคส้ม” กับคู่แข่ง 6 สนามที่ผ่านมา ต้นทุนต่างกันมาก

ยิ่งก่อนวันเลือกตั้งสำนักโพลทุกค่าย ให้ “พรรคส้ม” นำโด่งลอยลำเข้าวิน แต่สุดท้ายพลิกความคาดหมาย ยิ่งยุบยิ่งโต หรือ ตายสิบเกิดแสน เลือกตั้งครั้งหน้าแลนด์สไลด์  อาจเป็นวาทกรรมข่มขวัญหรือปลอบใจตัวเอง ใช่หรือไม่ เช่นเดียวกับ ยักไหล่แล้วไปต่อ จึงต้องกลับมาดูเหมือนกันว่า การสูญเสียขุนศึกระดับมือพระกาฬ มาแล้ว 2 รุ่นจากคดียุบพรรค ในรอบ 5 ปี  ทั้งพรรคอนาคตใหม่ และ พรรคก้าวไกล แต่ยังไม่สามารถปั้นนักรบรุ่นใหม่ที่เทียบชั้นนักรบรุ่นพี่ อย่าง “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” , ปิยบุตร แสงกนกกุล , พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และ ชัยธวัช ตุลาธน ขึ้นมาทดแทนถือเป็นเรื่องใหญ่ และ ถือว่าเป็นเรื่องยากเช่นกัน

และยิ่งปัจจุบันทีมโซเซียลมิเดียของพรรคเพื่อไทย แข็งแกร่งขึ้นมาก ทั้งการโต้กลับด้อมส้มได้ดุลมากขึ้น  เดิมที่ “ด้อมส้ม” กินพื้นที่โซเซียลมิเดียไปทั้งหมดแต่ขณะนี้ พื้นที่ทางการเมืองบนโซเซียลมิเดีย ทั้งด้อมส้มและด้อมแดงไล่ตามกันทันและประมือกันได้สมน้ำสมเนื้อ ดังนั้นก่อนถึง 3 ศึกใหญ่ ศึกชิงเก้าอี้นายกอบจ. จังหวัดเชียงใหม่ , อุดรธานี และ ภูเก็ต “พรรคส้ม” ยังพอมีเวลาแก้มือ ล้มช้างโค่นบ้านใหญ่ “นายใหญ่เพื่อไทย” ได้หรือไม่ รอท้าพิสูจน์ฝีมือ!