“นายกฯ” ประชุมป.ป.ส. ลุยแก้ยาเสพติด ยกเป็นนโยบายเร่งด่วนรบ. วาระแห่งชาติ

นายกฯ นั่งหัวโต๊ะประชุมป.ป.ส. เดินหน้าแก้ปัญหายาเสพติด 1 ใน 10 นโยบายเร่งด่วนรัฐบาลประกาศเป็นวาระแห่งชาติ ดำเนินการทันที เล็งขยายผลทั่วไทย-ตรวจเข้มชายแดนเล็งขยายผลทั่วประเทศ-ตรวจเข้มชายแดน มุ่งออกมาตรการ ยึดทรัพย์ผู้ต้องหา แต่ขอไม่ตั้งเป้า KPIยอดเงิน หวั่น ก้าวล่วงศาล

“นายกฯ” ประชุมป.ป.ส. ลุยแก้ยาเสพติด ยกเป็นนโยบายเร่งด่วนรบ. วาระแห่งชาติ – Top News รายงาน

 

นายกฯ

เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2567 เวลา 15.14 น. หลังจากที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานมอบนโยบายในการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ครั้งที่ 2/2567 ในช่วงท้าย นายกฯ กล่าวว่า จาก25 จังหวัดนำร่อง อยากให้กระจายไปทั่วประเทศอย่างภาคเหนือที่จังหวัดเชียงใหม่ ภาคอีสานจังหวัดสกลนคร ภาคกลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ภาคใต้จังหวัดนราธิวาส ภาคตะวันออกจังึระยอง และขยายไปยังจังหวัดอื่นเพื่อให้สามารถครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัดได้เร็ว และอยากให้มีการจัดทำฐานข้อมูล (database)ในกลุ่มที่ถูกจับกุมแล้ว นำผู้เสพมารักษา

นอกจากนี้อยากให้ไปพิจารณาศึกษาเป็นโมเดลสำหรับผู้ที่ถูกจับกุมอยู่ในเรือนจำอยากให้มีการเพิ่มเรื่องของการให้ความรู้และการศึกษา เพราะผู้ติดยาเสพติดที่เข้าไปอยู่ในเรือนจำส่วนใหญ่เป็นคนที่มีเปอร์เซ็นต์ ที่ยังได้รับการศึกษา การศึกษาน้อยอยู่ เพื่อนำไปแก้ไขและจัดทำเป็นนโยบาย zero drop out ขณะเดียวกันอยากให้มีการยึดทรัพย์ผู้ค้ายาเสพติดอย่างจริงจังเพราะปัญหาจะได้หมดและเราต้องมาทำงานซ้ำ โดยนายกฯถามที่ประชุมว่ามีท่านใดอยากจะเสนอแนะอะไรเพิ่มเติมหรือไม่

 

ข่าวที่น่าสนใจ

จากนั้นนายอุทัย สินมา อัยการสูงสุด สำนักยาเสพติด ในฐานะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ได้เสนอต่อที่ประชุมให้มีตัวชี้วัดในการยึดทรัพย์เกี่ยวกับคดียาเสพติด ว่า ปีสุดท้ายให้อัยการทุกคนจะต้องผ่านการชี้วัดซึ่งมี KPI จะต้องยึดทรัพย์สินผู้ต้องหายาเสพติด ปีสุดท้ายที่ แสนล้านบาท ต่อปี

โดยพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้เบรคว่า ในรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ที่ผ่านมาได้ให้ความสำคัญเรื่องการยึดทรัพย์เป็นมาตรการสำคัญแต่หากมีการชี้วัดปีละแสนล้านบาทอาจจะเป็นการกลั่นแกล้งประชาชนได้ เพราะเป้าหมายสุดท้ายต้องยอมรับว่า ต้องยึดที่คำพิพากษาของศาล ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีตัวชี้วัดนี้แต่เราได้ออกมาตรการติดตามทรัพย์สินและการอายัดทรัพย์จึงเกิดขึ้น แต่สุดท้ายเราต้องอยู่ที่ อัยการ หรือ ศาลชี้ว่าจะฟ้องหรือไม่ ไม่อยากให้ไปก้าวล่วงอำนาจศาล จะเป็นการบีบจัดให้ยึดทรัพย์แสนล้าน ในทางปฏิบัติก็จะเป็นการละเมิดหลักนิติธรรมด้วย

โดยนายอุทัย ได้กล่าวเพิ่มเติมว่าในกรณีที่อัยการสั่งไม่ฟ้องและศาลยกฟ้อง ตามมาตรา 68 กำหนดให้เลขาปปส.ยึดทรัพย์สินที่ใต้องสงสัยซึ่งตนขอเรียนที่ประชุมว่าซึ่งเดิมปปส.เคยกำหนดตัวชี้วัดนี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทำการยึดทรัพย์สินตัดเส้นเงินเครือข่ายยาเสพติดปีสุดท้ายให้ได้ไม่น้อยกว่า แสนล้านบาท

ทั้งนี้นางสาวแพทองธาร ได้พูดขึ้นทันทีว่าการยึดทรัพย์เป็นสิ่งที่เรากำลังมุ่งไปส่วนจะเยอะแค่ไหนหรือตัวกำหนดเป็นอย่างไรจะขอคุยในกลุ่มเล็กอีกทีเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ก่อนที่จะตัดบทให้เลขาฯที่ประชุมรายงานและขอมติจากที่ประชุมและ สั่งปิดการประชุมทันที

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ทนายเดชา" เปิดใจ หลังศาลสั่ง คุก 1 ปี รอลงอาญา คดีหมิ่น "อ.อ๊อด" ย้ำไม่มีร้องไห้ ใส่กุญแจมือ รอชำระค่าปรับตามคำพิพากษา
"จิรายุ" ย้ำ "เงินหมื่น" เฟส 2 มอบคนอายุุ 60+ โอนแน่ 27 ม.ค.นี้
"ทนายอนันต์ชัย" แจ้งความ "คนสอนธรรม" เพิ่ม 1 ข้อหา
ตร.คุมตัวแขกหัวร้อนฝากขัง หลังขับเก๋งไล่ชนไรเดอร์เสียชีวิต ด้านพ่อเตรียมขอขมาศพเย็นนี้
"นักธุรกิจ" เข้าแจ้งความ หลังถูกหลอกลงทุนสลากกินแบ่งรัฐบาล เสียหาย 50 ล้านบาท
มือมีดต่างชาติไล่แทงคนเจ็บ 5 ในอิสราเอล
ทรัมป์เผยอาจเพิ่มคว่ำบาตรรัสเซียถ้าไม่ยอมเจรจา
ทรัมป์จ่อขึ้นภาษีจีน 1 ก.พ.-รูบิโอทำงานวันแรก
22 รัฐในสหรัฐฯ ฟ้องศาลต้านคำสั่งทรัมป์ ตัดสิทธิให้สัญชาติอัตโนมัติ
ทรัมป์สั่งระงับความช่วยเหลือตปท. 90 วัน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น