วันที่ 22 ก.ย.2564 รองศาสตราจารย์หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊กวิเคราะห์สถานการณ์ระหว่างพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กับ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาฯพรรคพลังประชารัฐ ว่า ไม่มีใครสามารถฟันธงได้ว่าอนาคตพรรคพลังประชารัฐจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร พลเอกประยุทธ์ จะได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีต่ออีกสมัยหรือไม่ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งการที่พลเอกประวิตรรั้งตัวร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ไว้ให้คงอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ อาจเป็นเพราะคนอย่างร้อยเอกธรรมนัส ควรที่จะเก็บไว้อยู่ใกล้ตัว จะดีกว่าปล่อยให้ไปอยู่กับฝ่ายตรงข้าม และเมื่อ ร้อยเอกธรรมนัส ตัดสินใจอยู่กับพรรคพลังประชารัฐต่อไปตามความต้องการของพลเอกประวิตร คำถามคือว่า เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างพลเอกประยุทธ์และร้อยเอกธรรมนัส จะจบลงง่ายๆอย่างนี้หรือ คำตอบคือ คงไม่จบ เพราะร้อยเอกธรรมนัสบอกเองว่า “ผมเป็นคนจำนาน” ดังนั้นไม่ลืมแน่ๆ พลเอกประยุทธ์เองก็คงไม่ลืมเช่นกัน
รองศาสตราจารย์หริรักษ์ บอกอีกว่า ไม่ทราบว่าที่ผ่านมาพลเอกประยุทธ์มีความไว้วางใจร้อยเอกธรรมนัสแค่ไหน แต่จากนี้ไปเป็นที่แน่ใจได้ว่า ไม่มีทางไว้วางใจอีกตลอดกาล อย่างนั้นร้อยเอกธรรมนัสจะมีอนาคตทางการเมืองได้อย่างไร หากพลเอกประยุทธ์ได้เป็นนายกรัฐมนตรีต่ออีกสมัย ในทางกลับกันหากร้อยเอกธรรมนัส ยังเป็นเลขาธิการพรรคอยู่ และยังคุมเสียง ส.ส.ทั้งในพรรคพลังประชารัฐจำนวนหนึ่ง รวมถึงเสียง ส.ส.พรรคเล็ก ทำให้ยังมีอำนาจต่อรอง ร้อยเอกธรรมนัสจะขวางไม่ให้พรรคเสนอชื่อพลเอกประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัยหรือไม่ ไม่ทราบเหมือนกันว่า พลเอกประวิตรเตรียมหาทางออกไว้แล้วหรือไม่อย่างไร ไม่ว่าจะอย่างไรพรรคพลังประชารัฐคงจะต้องทำทุกวิถีทางที่จะให้ได้กลับมาจัดตั้งรัฐบาลอีกครั้ง ไม่ว่าจะจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคใดก็ตาม
รองศาสตราจารย์หริรักษ์ ทิ้งท้ายด้วยว่า การจับมือกันระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรคเพื่อไทย เพื่อจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันหลังเลือกตั้งครั้งหน้าไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนอยู่ที่ว่า จะสามารถเจรจาต่อรองผลประโยชน์ได้ลงตัวหรือไม่เท่านั้นในที่สุด เราจะได้ทราบกันว่า ความแนบแน่นของ 3 ป. เป็นสิ่งที่ไม่มีอะไรมาโยกคลอนได้จริงหรือไม่ เมื่อถึงวันนั้น