ธนาคารกลางสหรัฐหั่นดอกเบี้ย 0.50 % ครั้งแรกในรอบ 4 ปี ส่งสัญญาณลดอีก 0.50 % ภายในปีนี้ ด้านทรัมป์ออกโรงวิจารณ์การลดดอกแรงครั้งนี้เอี่ยวการเมือง
เมื่อวันพุธ ธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50 เปอร์เซ็นต์ สู่ระดับ 4.75-5.00 เปอร์เซ็นต์ นับเป็นการลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปี ส่งผลให้ต้นทุนการกู้ยืมลดลงอย่างรวดเร็ว ไม่นานก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพฤศจิกายน
เจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดกล่าวในการแถลงข่าวหลังการประชุมว่า การตัดสินใจครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นใจที่เพิ่มขึ้นของเฟดว่า หากปรับนโยบายใหม่อย่างเหมาะสม จะสามารถรักษาความแข็งแกร่งในตลาดแรงงานไว้ได้ ในบริบทของการเติบโตระดับปานกลาง และอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงอย่างยั่งยืนเหลือ 2 เปอร์เซ็นต์
การประกาศลดดอกเบี้ยเกิดขึ้นเพื่อตอบสนองต่อภาวะเงินเฟ้อที่ลดลงมาได้นานหลายเดือนแล้ว และมีจุดประสงค์เพื่อป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงมาก หลังตัวเลขการจ้างงานเริ่มอ่อนแอลง หลังเฟดจับตาดูอัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้นอย่างใกล้ชิด และตามมาด้วยการปรับลดดอกเบี้ยครั้งใหญ่นี้ เพื่อหยุดยั้งอัตราการว่างงาน
อีกทั้ง ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.50 เปอร์เซ็นต์ภายในสิ้นปีนี้ และจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยรวม 1.00 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2568 และลดอัตราดอกเบี้ย 0.50 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2569 ทำให้อัตราดอกเบี้ยไปจบอยู่ที่ 2.75-3.00 เปอร์เซ็นต์
การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในวันพุธอาจเป็นข่าวดีสำหรับกมลา แฮร์ริส ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตและรองประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งลงแข่งขันกับโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในเร็วๆ นี้ แฮร์ริสกล่าวในแถลงการณ์ว่า แม้ว่าการลดดอกเบี้ยจะเป็นข่าวดีสำหรับชาวอเมริกัน ที่ต้องแบกรับภาระหนักจากของราคาแพง แต่เธอจะมุ่งไปที่การทำงานข้างหน้า เพื่อทำให้ราคาสินค้าลดลงต่อไป
ส่วนทรัมป์กล่าวกับนักข่าว ขณะอยู่ในนิวยอร์กว่า การลดดอกเบี้ยของเฟดอาจเกี่ยวกับการเมือง ทรัมป์กล่าวว่า การลดดอกเบี้ยครั้งนี้ของธนาคารที่เป็นอิสระ หมายความว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังแย่มาก ถ้าไม่ใช่อย่างนั้น ก็เดาว่า พวกเขากำลังเล่นการเมือง และนี่เป็นการลดดอกเบี้ยครั้งใหญ่
ขณะที่ดัชนีหุ้นหลักของสหรัฐปิดตัวลดลง หลังการตัดสินใจของเฟด โดยดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดลดลง 0.3 เปอร์เซ็นต์