อัลจาซีร่าและ NNA สื่อเลบานอนรายงานว่าผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนเลบานอนได้ออกประกาศห้ามผู้โดยสารนำเพจเจอร์และวอล์กกี้ ทอล์กกี้ขึ้นเครื่องบินทุกชนิด และทุกเที่ยวบิน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบินขนส่งสินค้าหรือเครื่องบินโดยสาร รวมทั้งกระเป๋าที่โหลดใต้เครื่องหรือนำขึ้นเครื่อง (Carry on) โดยมีผลบังคับใช้ทันทีจนกว่าจะมีการแจ้งยกเลิก ใครฝ่าฝืนจะถูกยึดทั้งหมด อย่างไรก็ตามคำสั่งแบนดังกล่าวมีผลเฉพาะสนามบินนานาชาติเบรุต ราฟิค ฮารีรี
ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขเลบานอนเผยว่ายอดผู้เสียชีวิตจากเหตุระเบิดอุปกรณ์สื่อสารระเบิดสองวันติดกันอยู่ที่ 32 คน บาดเจ็บหลายพันคน โดยวันอังคารเพจเจอร์ถูกจุดระเบิดราว 4 พันเครื่องภายในเวลา 1 ชั่วโมงพร้อมๆกัน และวันพุธ วิทยุสื่อสารหรือวอล์กกี้ทอล์กกี้ รวมทั้งอุปกรณ์สื่อสารประเภทอื่นๆ เช่นโทรศัพท์มือถือ, แล็บท็อปหรือแม้กระทั่งแผงโซลาร์เกิดระเบิด ซึ่งอานุภาพรุนแรงยิ่งกว่าวันแรก นายฟิราส อาเบียด รัฐมนตรีสาธารณสุขเลบานอนเผยว่าแรงระบาดทำให้ผู้บาดเจ็บสาหัสต้องรักษาตัวในห้องไอซียูมากกว่า 300 คน
นายอับดุลเลาะห์ ราชิด บู ฮาบิบ รัฐมนตรีต่างประเทศเลบานอนออกมาเตือนอิสราเอลว่าการโจมตีครั้งนี้เป็นการละเมิดอธิปไตยและความมั่นคงเลบานอน และเป็นการยกระดับการเผชิญหน้าที่อันตรายและอาจทำให้สงครามขยายวงกว้างมากขึ้น
ขณะที่นักวิเคราะห์ก็ชี้ว่าการใช้อุปกรณ์สื่อสารเป็นเครื่องมือในการโจมตีได้สร้างความวิตกถึงความเป็นไปได้ที่อุปกรณ์ซึ่งใช้ในชีวิตประจำวันเหล่านี้อาจถูกใช้เป็นอาวุธในอนาคต และยังกระทบความเชื่อมั่นในระบบห่วงโซ่การขนส่งและอุตสาหกรรมเทคโนโลยีทั้งหลาย ซึ่งผู้ผลิตจำเป็นต้องตื่นตัวและตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องระบบการขนส่ง