สหรัฐมีหนาว จากกรณีอุปกรณ์สื่อสารระเบิดในเลบานอน ชี้ต้องเร่งลดการพึ่งพาห่วงโซ่อุปทานต่างประเทศโดยเฉพาะจีน ป้องกันเหตุซ้ำรอย
สำนักข่าวบลูมเบิร์กได้รายงานว่า จากเหตุเพจเจอร์ และวอล์กกี้ ทอล์กกี้ หลายพันเครื่องระเบิดในเลบานอนสัปดาห์นี้ ทำให้ผู้นำโลก โดยเฉพาะสหรัฐ ต้องใช้เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นบทเรียน เร่งดำเนินการลดการพึ่งพาเทคโนโลยี และห่วงโซ่อุปทานจากคู่แข่งเช่นจีน
เจ้าหน้าที่เลบานอนเชื่อว่า อุปกรณ์เหล่านี้ถูกติดตั้งวัตถุระเบิด ที่คาดว่าเป็นฝีมือของอิสราเอล ที่เจาะเข้าไปในระบบจัดซื้อของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งมีเส้นทางเชื่อมโยงตั้งแต่ไต้หวันไปจนถึงฮังการี แม้ว่าอุปกรณ์ต่างๆจะถูกใช้ในการจารกรรมข้อมูลมาหลายปีแล้ว แต่ยังไม่เคยถูกใช้เป็นอาวุธโจมตีรุนแรงเช่นนี้ ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 37 ราย รวมทั้งเด็ก 2 คน และทำให้มีผู้บาดเจ็บอีกประมาณ 2 พัน 300 ราย ทำให้แม้แต่เจ้าหน้าที่ที่มีประสบการณ์บางคนยังวิตกกังวล
เมลานี ฮาร์ต อดีตเจ้าหน้าที่อาวุโสกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ และปัจจุบันดำรงตำแหน่งอยู่ที่สภาแอตแลนติก กล่าวว่า เมื่อคุณพึ่งพาประเทศอื่นๆ สำหรับอุปกรณ์หรือเทคโนโลยี เท่ากับคุณเปิดประตูหลัง ให้พวกเขาเข้าถึงทุกอย่างที่คุณทำ นี่เป็นการแสดงให้เห็นว่า การพึ่งพาห่วงโซ่อุปทานจากต่างชาติถูกใช้เป็นอาวุธได้อย่างไร
เจ้าหน้าที่ยอมรับมานานแล้วว่า สหรัฐพึ่งพาจีนมากเกินไป ในการซื้อสินค้าและบริการต่างๆ และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้เริ่มพยายามย้ายห่วงโซ่อุปทานที่สำคัญบางส่วน โดยเฉพาะห่วงโซ่อุปทานที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ กลับไปผลิตเองในประเทศ หรือย้ายไปยังประเทศที่เป็นมิตร
ส.ส. เซธ มูลตันของสหรัฐกล่าวว่า หากอิสราเอลทำได้ จีนก็ทำได้เช่นกัน และว่า ห่วงโซ่อุปทานที่ยืดยาวและไม่โปร่งใสจะทิ้งช่องว่างไว้ ซึ่งสามารถถูกใช้ประโยชน์ได้ง่ายเกินไป และเราจำเป็นต้องมีกลยุทธ์ในการปิดช่องว่างเหล่านี้โดยร่วมมือกับพันธมิตรของเราอย่างใกล้ชิด
สหรัฐพยายามลดหรือแม้แต่ขจัดการพึ่งพาบริษัทจีนสำหรับโครงสร้างพื้นฐานและความมั่นคงของชาติ ตามข้อมูลของ กอฟวินี (Govini) ซึ่งเป็นบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลของรัฐบาล ในปี 2566 กองทัพเรือสหรัฐ ลดจำนวนอุปกรณ์ของจีนในห่วงโซ่อุปทานด้านเทคโนโลยีที่สำคัญ ลงประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ แต่การพึ่งพาจีนยังเป็นสิ่งที่ยากที่จะหลีกหนีได้ โดยกองทัพอากาศและหน่วยงานด้านการป้องกันประเทศอื่นๆ กลับพึ่งพาจีนมากขึ้น ตามข้อมูลของบริษัท
ในส่วนของจีนนั้น จีนได้พยายามผลักดันการสร้างนวัตกรรมในประเทศมาเป็นเวลานาน เพื่อลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศของประเทศ ตั้งแต่การผลิตเครื่องยนต์ของเครื่องบินเจ็ต หรือสร้างระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ของตนเอง ในปี 2566 หน่วยงานต่างๆ ของจีนและบริษัทที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลหลายแห่งได้สั่งให้เจ้าหน้าที่หยุดนำ ไอโฟน และอุปกรณ์จากต่างประเทศอื่นๆ มายังที่ทำงาน
สุดท้าย แบรด กลอสเซอร์แมน ที่ปรึกษาอาวุโสของ Pacific Forum กลุ่มมันสมอง กล่าวว่า การใช้เทคโนโลยีโลว์เทค ก็ไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยได้ ประเด็นสำคัญคือ โลกของเราพึ่งพาระบบห่วงโซ่อุปทานที่ขยายตัวออกไปอย่างมาก ทำให้เกิดช่องโหว่ในระบบ และทุกองค์กรยังไงก็จะต้องซื้อของมาใช้ ดังนั้นช่องโหว่นี้ คือเรื่องที่ต้องรับมือ