เป็นเวลา กว่า 4 ปี เต็ม ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้หนีหายไปจากประเทศไทย หลังไม่เดินทางไปที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อฟังคำพิพากษาคดีปล่อยปละละเลยให้เกิดความเสียหายโครงการรับจำนำข้าว เมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2560 ซึ่งในวันที่ “ยิ่งลักษณ์” ได้ตัดสินใจหนีคดี อดีตนักการเมืองพรรคเพื่อไทย และ แกนนำ นปช. รวมไปถึงมวลชนไปรอให้กำลังใจเก้อ ระบุตรงกัน “ไม่รู้ล่วงหน้ามาก่อน”
ทีมข่าวท็อปนิวส์ พาย้อนรอยเจาะข้อมูล เหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ ภายหลัง นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คนที่ 28 ของประเทศไทย ได้หนีคดีความเสียหายโครงการรับจำนำข้าว
– ไม่ไปฟังคำพิพากษา เพราะ “นำหูไม่เท่ากัน” ก่อนหายตัวลึกลับ –
ความผิดปกติเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่วันที่ 25 ส.ค. 2564 “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ไม่เดินทางไปฟังคำพิพากษาคดีจำนำข้าว ตามนัดหมายศาลฎีกาฯ ทนายความอ้าง “ป่วยด้วยโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน” ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า “ไม่เชื่อว่าจำเลยเจ็บป่วยจนถึงขนาดมาศาลไม่ได้ พฤติการณ์มีเหตุอันควรเชื่อว่าจำเลยหลบหนี จึงให้ออกหมายจับจำเลย…” พร้อมเลื่อนอ่านคำพิพากษาเป็นวันที่ 27 ก.ย. 2560
ต่อมา วันที่ 28 กันยายน 2560 ณ ขณะนั้น “คสช.” ตกที่นั่งลำบากเมื่อหลายฝ่ายแสดงความสงสัยว่าอาจรู้เห็นเป็นใจการหนีของยิ่งลักษณ์ ถึงขั้นที่ว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในสมัยนั้น ตอบคำถามสื่อมวลชนว่า “เฮ้ย! ใครจะไปปล่อย จะไปปล่อยได้อย่างไร ทำไมคิดแบบนี้”
ขณะที่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยัน ข้อมูลการสืบสวนไม่พบ “ยิ่งลักษณ์” พักอาศัยอยู่ในบ้านที่ซอยโยธินพัฒนา 3 และใน จ.เชียงใหม่ เผยมีคนเจอตัวครั้งสุดท้ายเวลา 14.00 น. วันที่ 23 ส.ค. ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.วทัญญู วิทยผโลทัย ผกก.ฝ่ายวิจัยและพัฒนา ศูนย์พัฒนาด้านการข่าว กองบัญชาการตำรวจสันติบาล ตำรวจใกล้ชิดคนตระกูลชินวัตร ถูกรอง ผบ.ตร. เรียกไปสอบสวนเพื่อหาเบาะแส แต่ไม่ได้ให้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์
กระทั่งต่อมา วันที่ 31 สิงหาคม 2564 โฆษกกระทรวงการต่างประเทศชี้การถอนหนังสือเดินทางยิ่งลักษณ์ยังทำไม่ได้ เพราะสถานะทางคดียังไม่สิ้นสุด แต่ยืนยันการดำเนินการจะเป็นไปตามระเบียบ ไม่เลือกปฏิบัติ
– ผ่านไป 1 เดือน “รอง ผบก.น.5” สมุนรับใช้ เปิดใจสารภาพ เป็นคนพาหนีเอง –
วันที่ 22 ก.ย.60 ภายหลัง พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ รอง ผบก.น.5 คนสนิทตระกูล “ชินวัตร” ได้ออกมารับสารภาพว่า เป็นคนขับรถพา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หนีออกจากบ้านพักย่านวัชรพล กทม. เมื่อคืนวันที่ 23 ส.ค.2560 ซึ่งตามรายงานเอกสารการสอบปากคำ พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ ได้ให้การ มีใจความโดยสรุปว่า
เวลา 18.20 น. วันที่ 23 ส.ค.60 ได้ขับรถสายตรวจโตโยต้า รุ่นอัลติส สีบรอนซ์เทา….ไปจอดรอ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ลานจอดรถห้างฯโลตัส สาขาวัชรพล หลังจากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้นั่งรถเก๋งเบนซ์สีดำออกมา วิ่งนำไปจนถึงหมู่บ้านชัยพฤกษ์ วัชรพล เข้าทางป้อมยามหมู่บ้าน เข้าไปในซอย 23 ก่อนจะมีรถเก๋งโตโยต้า คัมรี่ สีบรอนซ์เทา ขับออกมา ขับนำรถ พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ ไปที่บ้านของ พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ ซึ่งอยู่ท้ายซอย 38 และทราบว่ามี น.ส.ยิ่งลักษณ์ พร้อมเลขาฯที่เป็นผู้หญิง นั่งมาในรถคัมรี่ โดยทั้งสองคนมีผ้าแมสปิดจมูก
จากนั้น พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ ได้ขับรถเก๋งคัมรี่ ที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ นั่งมากับเลขาฯ ออกจากบ้านพักของ พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ มุ่งหน้าออกจากหมู่บ้านชัยพฤกษ์ วัชรพล เลี้ยวซ้ายไปที่ถนนรามอินทรา มุ่งหน้ามีนบุรี จากนั้นเลี้ยวซ้ายไปถนนสุวินทวงศ์ มุ่งหน้า จ.ฉะเชิงเทรา พ่อผ่านจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้เลี้ยวซ้ายไปทาง อ.พนมสารคาม เมื่อถึง ต.เขาหินซ้อน ได้เลี้ยวขวามุ่งหน้า จ.สระแก้ว ผ่านตัวจังหวัดสระแก้ว พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ ได้ขับรถมุ่งไปยัง อ.อรัญประเทศ เมื่อถึงตัวอำเภออรัญประเทศ ซึ่งเป็นเวลา 22.00 น. ของวันที่ 23 ส.ค.60 ได้ขับไปตามถนนสุวรรณศร เพื่อไปที่นัดหมาย โดยมีรถมารอรับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ห่างจากสถานีรถไฟอรัญประเทศประมาณ 1 กิโลเมตร ซึ่งเป็นบริเวณที่ไม่มีแสงไฟส่องสว่าง
– “ยิ่งลักษณ์” เปลี่ยนรถ มีกระบะ มารอรับ หนีข้ามประเทศ –
เมื่อไปถึง พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ เห็นรถยนต์กระบะสี่ประตู สีทึบ โดยไม่ได้สังเกตยี่ห้อ และหมายเลขทะเบียน จอดอยู่ มีชายลักษณะสูงประมาณ 180 ซม. ซึ่งมองหน้าไม่ชัด ว่าเป็นชายไทยหรือไม่ โดยรถยนต์กระบะคันดังดล่าวเปิดไฟกะพริบซ้ายขวาด้านหลังไว้ด้วย พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ ได้จอดรถที่ขับมาต่อท้าย จากนั้นชายดังกล่าวได้เดินมารับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และเลขาฯหญิง ไปขึ้นรถกระบะแล้วขับออกไป
ส่วน พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ ได้ขับรถ่อไปอีก 500 เมตร จึงแวะจอดข้างทางเพื่อพักชั่วคราว โดยตื่นขึ้นมาเวลาประมาณ 12.00 น. ของวันที่ 24 ส.ค.60 จึงได้ขับรถยนต์กลับ กทม. ตามเส้นทางเดิมจนถึงบ้านที่หมู่บ้านชัยพฤกษ์ วัชรพล โดยที่ไม่ได้หยุดพัก…
วันที่ 28 ส.ค.60 พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ ได้ขับรถยนต์โตโยต้า คัมรี่ คันดังกล่าว ที่เปลี่ยนป้ายทะเบียนท้ายแล้ว นำไปให้ ด.ต.พรพิพัฒน์ มากบุญงาม ผบ.หมู่ ฝอ.7 ภ.จว.นครปฐม ซึ่งเคยรับราชการสมัยอยู่กองปราบปรามด้วยกันเมื่อเกือบ 20 ปีก่อน โดยนำไปให้ท่ีร้านอาหารแสงจันทร์ ของ ด.ต.พรพิพัฒน์ ตรงข้ามมหาวิทยาลัยศิลปากร พระราชวังสนามจันทร์ เพื่อนำไปแยกชิ้นส่วนทำลายหลักฐาน
วันที่ 30 ส.ค.60 ด.ต.พรพิพัฒน์ จึงติดต่อให้ พ.ต.ท.สามมิตร ไชยอิ่นคำ สว.ส.ภ.จว.นครปฐม ซึ่งเป็นนักเรียนพลตำรวจรุ่นเดียวกัน มานำรถยนต์คันดังกล่าวไปแยกชิ้นส่วนทำลายหลักฐาน ซึ่งหลังจากนั้น ด.ต.พรพิพัฒน์ ไม่ทราบว่ามีการแยกชิ้นส่วนทำลายหลักฐานแล้วหรือไม่”
– “นักเรียนนายร้อย รุ่น 40 ให้ข้อมูลตัวตน “รองอู๊ด” ทำไมถึงกล้าพายิ่งลักษณ์ หนี –
ทีมข่าวท็อปนิวส์ ได้พูดคุยกับ นักเรียนนายร้อยรุ่น 40 ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของ พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ หรือ “รองอู๊ด” รอง ผบก.น.5 พลขับควบคัมรี่ พาอดีตนายกฯปู “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” หนีไปอรัญประเทศ จึงทราบข้อมูลว่า …..
“รองอู๊ด” นักเรียนนายร้อยสามพรานรุ่น 40 บุคลิกเงียบขรึม ไม่ชอบออกสื่อ ส่วนชีวิตราชการตำรวจ ค่อยๆ ไต่เต้าตามวาระ พื้นๆ ธรรมดา ไม่หวือหวา …เป็นที่รัก และเชื่อใจ ของเพื่อนๆ และผู้บังคับบัญชา ลูกน้องให้ความเคารพนับถือ นิ่งสงบ มีน้ำใจ ใจกว้าง แต่ถึงเวลาต้องบู๊ แว่วว่าใครก็เอาไม่อยู่เหมือนกัน…
คนสนิทชิดใกล้ของ “รองอู๊ด” บอกเราด้วยว่า “เขาเป็นตำรวจที่ได้รับความไว้วางใจจาก พล.ต.อ.เกษียณอายุราชการท่านหนึ่ง ถึงขั้นได้มอบหมายให้ลงมือปฏิบัติภารกิจสำคัญ เพราะเชื่อว่าน่าจะเป็นคนเดียวที่เชื่อถือได้ว่า “เอาอยู่” เก็บ “ความลับอยู่” “รองอู๊ด” นิ่ง มีสมาธิ และเด็ดขาด ถึงขั้น สามารถเป็นมือวิสามัญฆาตกรรม ได้เลย
เส้นทางราชการ หลังจากเคยติดยศสารวัตรกองปราบปราม เมื่อปี 2543 ชีวิต “รองอู๊ด” ระหกระเหิน เดินทางรับราชการต่างจังหวัด กระทั่งคำสั่งที่ผ่านมา มีรายชื่อได้นั่งเก้าอี้ “รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5” ดูแลพื้นที่ย่านเศรษฐกิจในกรุงเทพฯ เช่น บางรัก, ทองหล่อ, ลุมพินี, ทุ่งมหาเมฆ, บางโพงพาง, วัดพระยาไกร, พระโขนง, บางนา, ท่าเรือ ฯลฯ ทำเล ชื่อชั้น ไม่ธรรมดา หากแต่ว่าหลังเหตุการณ์นี้ ถูกผู้บังคับบัญชาเซ็นคำสั่งให้ย้ายขาดจากตำแหน่งเดิมทันที
– เด้ง 3 ตำรวจ พา ปู ยิ่งลักษณ์ หนี ขณะที่ “รองอู๊ด” ถูกออกหมายจับ –
วันที่ 22 ก.ย. 60 พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ในสมัยนั้น ยืนยัน พบความเชื่อมโยงระหว่างตำรวจ 3 นาย โดยเป็นเจ้าหน้าที่ในสังกัดกองบังคับการตำรวจนครบาล 5 และกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม ร่วมกับการพาตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลบหนี ไม่มาฟังคำพิพากษาศาลฎีกา แผนกคดีอาญา ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งทั้ง 3 ราย ประกอบด้วย 1. พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ รอง ผบก.5 2. พ.ต.ท.สามิตร ไชยอิ่นคำ สารวัตรกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม และ 3. ด.ต.พรพิพัฒน์ มากบุญงาม ผู้บังคับหมู่ ฝ่ายอำนวยการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม
ต่อมาวันที่ 25 พ.ย. 64 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติหมายจับ ที่ 28/2560 พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ อดีตรองผู้บังคับการตำรวจนครบาล5 (รองผบก.น.5) อยู่บ้านเลขที่7/21 ถนนวัชรพล แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร ลงวันที่24 พ.ย. 2560 กระทำความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157