วันที่ 22 ก.ย. – นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวถึงการรวบรวมรายชื่อส.ส.พรรคเล็ก ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ตีความการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญรายมาตรา ที่ผ่านวาระสามว่าเป็นการพิจารณาเกินจากที่รับหลักการไว้หรือไม่ ว่า ยอมรับว่าสรุปแล้วเราไม่สามารถล่าชื่อส.ส.มาร่วมลงชื่อได้ครบ 48 คนตามเกณฑ์กำหนด จึงขอยุติการรวบรวมรายชื่อ ส่วนส.ว.ก็คงไม่ยื่นตีความแทนให้ เพราะมองว่าเป็นการเลือกตั้งของส.ส. ซึ่งตอนนี้คงเหลือแต่ช่องทางการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีว่าจะเป็นผู้ยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 148 หรือไม่ จะยอมให้กฎหมายที่ไม่สมบูรณ์และมีข้อบกพร่องนำขึ้นทูลเกล้าฯหรืออย่างไร
นพ.ระวี กล่าวว่า หากครบกำหนด 15 วัน ในวันที่ 25 ก.ย.แล้ว ไม่มีใครยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ก็นำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าฯ ต่อไป ถ้าไม่มีผู้ยื่น พรรคเล็กก็คงจบทำอะไรไม่ได้แล้ว ต้องไปสู้ต่อในชั้นการยื่นแก้ไขร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ที่พรรคเล็กจะเสนอให้ใช้ระบบการคำนวณคะแนนแบบรัฐธรรมนูญปี 2560 คือให้มีระบบส.ส.พึงมี เพราะรัฐธรรมนูญปี 2560 บางมาตราที่ไม่ได้แก้ไข ยังกำหนดให้มีส.ส.พึงมีอยู่ อย่างไรก็ตามถ้าสุดท้ายต้องมีการใช้บัตรเลือกตั้ง 2ใบ โดยใช้วิธีการคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ เหมือนปี 2540 พรรคเล็กคงสูญพันธุ์ไปจำนวนหนึ่ง แต่พรรคพลังธรรมใหม่พร้อมต่อสู้ทุกระบบ ไม่ว่าจะเป็นบัตรเดียวหรือสองใบ หรือวิธีการคำนวณแบบใด ทั้งนี้หากใช้บัตร 2ใบ ดูแล้วพรรคเพื่อไทยได้กลับมาแน่ โดยจะได้คะแนนส.ส.บัญชีรายชื่อขั้นต่ำ 12 ล้านคะแนน เท่ากับจะมีส.ส.บัญชีรายชื่อ เพิ่มขึ้นมา 30 คน ไม่รวมส.ส.เขต ยิ่งถ้าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ยังขัดแย้งกันอยู่ คะแนนเลือกตั้งจะถูกพรรคเพื่อไทยทิ้งขาดไปเรื่อยๆ
เมื่อถามถึงกรณีที่มีบางฝ่ายเสนอว่าประชาชนสามารถยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ตีความการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 213 ระบุว่า บุคคลซึ่งถูกละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญคุ้มครองไว้มีสิทธิยื่นคําร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อมีคําวินิจฉัยว่าการกระทํานั้นขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ นพ.ระวี กล่าวว่า เท่าที่ทราบนั้นประชาชนไม่สามารถยื่นโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ ต้องใช้ช่องทางยื่นผ่านทางสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน