วันนี้ ( 25 ส.ค.) นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง อธิบดีอัยการสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดี( สคช.) ได้ให้ความเห็นในฐานะอัยการคุ้มครองผู้บริโภค ในประเด็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับ ร้านทองแม่ตั๊ก ขายทองเปอร์เซ็นต์ต่ำ ว่าเรื่องนี้ ต้องไปดูกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค อย่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค มาตรา 47 บัญญัติไว้อย่างน่าสนใจว่า ผู้ใดโดยเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ ปริมาณ หรือสาระสำคัญประการอื่นอันเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ ไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือผู้อื่น โฆษณาหรือใช้ฉลากที่มีข้อความอันเป็นเท็จหรือข้อความที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิด เช่นว่านั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าผู้กระทำความผิดตามวรรคหนึ่งกระทำผิดซ้ำอีก ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 52 บัญญัติไว้อีกว่า ผู้ใดขายสินค้าที่ควบคุมฉลากตามมาตรา 30 โดยไม่มีฉลากหรือมีฉลาก แต่ฉลากหรือการแสดงฉลากนั้นไม่ถูกต้อง หรือขายสินค้าที่มีฉลากที่คณะกรรมการว่าด้วยฉลากสั่งเลิกใช้ ตามมาตรา 33 ทั้งนี้ โดยรู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าการไม่มีฉลากหรือการแสดงฉลากดังกล่าวนั้นไม่ถูกต้อง ตามกฎหมาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าการกระทำตามวรรคหนึ่งเป็นการกระทำของผู้ผลิตเพื่อขาย หรือผู้สั่งหรือนำเข้ามาใน ราชอาณาจักรเพื่อขาย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
ตามกฎหมายระบุไว้ชัดเจนว่า การโฆษณาขายสินค้า อย่างประเด็นที่เป็นข่าวคือทองคำ การสื่อสารต้องชัดเจนว่า ทองคำผสมอะไร น้ำหนักเท่าไหร่ ซื้อไปเเล้วสามารถนำไปขายได้ในร้านทองทั่วไปหรือไม่ เรื่องนี้ถ้าสื่อสารชัดเจน ปัญหาจะไม่เกิดขึ้น
ส่วนในเรื่อง การไลฟ์สดขายทองที่เป็นข่าวถ้าผู้ขายไม่บอกราคาให้ชัดเจน เเล้วคลิปไลฟ์สดถูกเซฟเอาไว้ อันนี้ก็เป็นพยานหลักฐาน ที่จะดำเนินคดีได้ ในส่วนที่ผู้ขายมีการประกาศว่า ผู้ที่ซื้อไปสามารถนำมาขายคืนได้ในราคาที่ซื้อไป ก็อาจจะถือได้ว่า เป็นการบรรเทาผลร้ายโดยการรับซื้อคืน เเต่กระบวนมันดำเนินไปแล้วและความผิดได้สำเร็จไปแล้ว