2 พรรคกอดคอร่วง ไปไม่รอด แก้ “รธน.” ลดมาตรฐานจริยธรรม

นับตั้งแต่ “พรรคเพื่อไทย” โยนหินถามทาง  กระแสสังคมตีกลับทันควัน เพราะมองว่าเป็นการทำเพื่อผลประโยชน์ของนักการเมือง  ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาล พรรครวมไทยสร้างชาติ และ พรรคภูมิใจไทย ทั้ง 2 พรรคเปรียบเหมือน นั่งร้าน หรือ เสาค้ำยันรัฐบาลเพื่อไทย ออกโรงกันออกมาประกาศเสียงแข็งกร้าวไม่เอาด้วย

โดยเฉพาะ “พรรคภูมิใจไทย” ที่รู้กันดีในทางการเมืองมีคอนเนคชั่นอันแบบแน่นกับ “สว.สายสีน้ำเงิน” กว่าค่อนสภาสูง  เพราะการแก้รัฐธรรมนูญลดมาตรฐานจริยธรรม  ต้องใช้เสียงเกินครึ่งของที่ประชุมรัฐสภา และในจำนวนดังกล่าวต้องมี “สว.” เห็นชอบด้วยอย่างน้อย 1 ใน 3 หรือ 70 คนขึ้นไป  ซึ่งต้องโฟกัสได้ที่ “สว.สายสีน้ำเงิน” มีแนวโน้มไม่เล่นด้วย  ตามที่ “พรรคภูมิใจไทย” ส่งซิก  ซึ่งเรื่องที่ “พรรคภูมิใจไทย” เห็นต่างรัฐบาลเพื่อไทย มีมาโดยตลอดไม่ใช่แค่เรื่อง “ลดมาตรฐานจริยธรรม”  ไล่ตั้งแต่ความพยายามของ “พรรคเพื่อไทย” จะลาก “กัญชา” กลับไปเป็นยาเสพติด  “พรรคภูมิใจไทย” เสียงแข็งคัดค้านไม่เห็นด้วยจนในที่สุด “พรรคเพื่อไทย” ยอมถอย  หรือ ความพยายามของ “พรรคเพื่อไทย” จะเปิดเสรีกาสิโน งัดเงินสีเทาใต้ดินขึ้นมาบนดินหวังจัดเก็บภาษีเป็นรายได้เข้ากระเป๋ารัฐ ตามไอเดียของ “นายใหญ่บ้านจันทร์ส่องหล้า” โชว์วิสัยทัศน์ไว้ก่อนหน้านี้ กลับถูก “พรรคภูมิใจไทย” แตะเบรก

จนล่าสุด เรื่อง “ลดมาตรฐานจริยธรรม” พรรคภูมิใจไทยเห็นต่าง จึงทำให้ “พรรคเพื่อไทย” ชิงตัดไฟเสียแต่ต้นลม  เพราะสัญญาณท่าไม่ดีจากพรรคร่วมรัฐบาล จึงถอยกรูด!  โดยเฉพาะแก้รัฐธรรมนูญฉบับสุดซอยของ “พรรคก้าวไกลเดิม” รื้อทั้งหมด 10 มาตรา ลดดีกรีมาตรฐานจริยธรรม ทั้งนักการเมืององค์กรอิสระพร้อมกับตัดอำนาจ “ป.ป.ช.” สอบจริยธรรมลดโทษหนักเด็ดปีกนักการเมืองให้เหลือโทษเบาหวิวจากเดิม 10 ปี เหลือแค่ 5ปี

ยิ่งท่ามกลางปัญหาน้ำท่วมและปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน จึงทำให้ “พรรคภูมิใจไทย” มีจุดยืนสวนทาง “พรรคเพื่อไทย” และ “พรรก้าวไกลเดิม”  เพราะนักการเมืองต้องพร้อมรับการถูกตรวจสอบ  เพราะเข้ามาใช้อำนาจรัฐซึ่งเต็มไปด้วยผลประโยชน์มหาศาล ทั้งบประมาณแผ่นดินและทรัพยากรของภาครัฐที่เป็นภาษีของประชาชน