หลังตรวจสถานการณ์น้ำที่ประตูระบายน้ำปากคลองบางบาลแล้วเสร็จ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยาในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าพรรคฯ มอบหมายให้พลเอกวิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ของพรรค ประสานกับตน เพื่อขับเคลื่อนในการสร้างพรรคพลังประชารัฐให้เป็นสถาบันการเมืองให้เกิดความมั่นคงและเข้มแข็งอย่างที่เคยพูดไว้ ซึ่งในเดือนพฤศจิกายนจะมีการเลือกตั้งท้องถิ่น เลือกตั้งนายกอบต. ทั้ง 76 จังหวัดในเวลานี้จึงต้องให้ความสำคัญกับการเลือกตั้งท้องถิ่นซึ่งถือเป็นรากเหง้าของการเมืองเป็นเรื่องสำคัญ
ขณะที่เมื่อไม่ได้เป็นรัฐมนตรีแล้วร.อ.ธรรมนัสยอมรับว่ามีเวลาลงพื้นที่มากขึ้นซึ่งได้ทำงานพบปะประชาชนในฐานะเลขาพรรคและแนะนำว่าที่ผู้สมัครและส.ส. ของพรรคซึ่งตอนนี้กำลังจะมีการประชุมใหญ่ของพรรคหลังรัฐบาลปลดล็อค ซึ่งจะมีการจัดวางตัวบุคคลในแต่ละเขตแต่ละพื้นที่
ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่าส่วนตัวรู้สึกทำใจได้แล้วหรือยังหลังถูกปลดจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยเกษตรและสหกรณ์ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่าไม่ได้มีอะไรก็ยังทำงานได้ทุกสถานะซึ่งมีเวลามากขึ้นก็ได้ทำงานเต็มที่ซึ่งก็ยังอยู่ในพรรคพลังประชารัฐ และหลังจากที่หัวหน้าพรรคได้ตั้งคณะทำงานยุทธศาสตร์ซึ่งถือเป็นคณะที่สำคัญที่จะกำหนดนโยบายและแผนการเลือกตั้งในสมัยหน้าอย่างที่พลเอกประวิตรได้พูดไว้
ร.อ.ธรรมนัสปฏิเสธตอบคำถามสื่อเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างพลเอกประยุทธ์ ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ผมออกมาทำงานในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติก็มีหน้าที่ทำงานในสภาและทำงานลงพื้นที่ให้กับลูกพรรคอย่างเต็มที่ ส่วนรัฐบาลก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาล คนละส่วนกัน ส่วนพลเอกประยุทธ์ที่ยังเป็นบัญชีรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคนั้นจะยังให้การสนับสนุนหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส ระบุว่า เรื่องนี้คงเป็นหน้าที่ของหัวหน้าพรรค ผมพูดตอนนี้ไม่ได้ ส่วนตัวไม่ได้มีปัญหาอะไรยังรับใช้พี่น้องประชาชนเหมือนเดิม และมีเวลาเยอะขึ้น ยืนยันไม่มีน้อยใจหรือเสียใจอะไร ส่วนจะไปตั้งพรรคใหม่หรือไม่นั้น ร.อ.ธรรมนัส เลี่ยงที่จะตอบคำถาม โดยกล่าวว่า อย่างที่ได้บอกไปในการประชุมพรรคครั้งที่แล้วว่าพลเอกประวิตรหัวหน้าพรรคท่านขอร้องให้มาช่วยพรรคต่อ และเนื่องจากหัวหน้าพรรคมีบุญคุณกับผมในหลาย ๆ เรื่องกับผม โดยเฉพาะวิถีชีวิตทางการเมือง ผมก็จะทำงานให้ท่านไปก่อน แต่ยอมรับว่า อนาคตเป็นของไม่แน่นอน
ส่วนการเลือกตั้งท้องถิ่นขึ้นอยู่กับประธานยุทธศาสตร์จะกำหนดทิศทางและนโยบายอย่างไรและสิ่งสำคัญนโยบายที่เคยหาเสียงไว้จะนำไปสู่การปฏิบัติให้พี่น้องประชาชนอย่างไรถือเป็นเรื่องสำคัญมาก ซึ่งในการเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งนี้ หากพื้นที่ไหนเป็นส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐก็มีความมั่นใจ แต่ไม่ได้มองเฉพาะแค่พื้นที่ที่มีส.ส.อยู่เท่านั้นแต่ทั้ง 76 จังหวัดทุกเขตเราต้องมีผู้สมัครของเรานี่ถือเป็นเรื่องที่สำคัญและตนจะเดินทางไปทุกจังหวัดในการพบปะว่าที่ผู้สมัครนายกอบต.ของพรรคพลังประชารัฐ