รู้แล้วทำไม “จักรภพ เพ็ญแข” คันปากอยากประชันกึ๋น “เจ้าสำนักพรรคส้ม”

ผลจากการท้าดีเบต หรือ เปิดประเด็น พรรคปฏิวัติ “จักรภพ เพ็ญแข” โดนทัวร์ลงอย่างหนัก ถึงขนาดพาดพิงถึงบุพการี แม้กระทั่งขู่ฆ่า ถือว่าเสียเวลาเปล่าและไม่ใช่สาระสำคัญ “จักรภพ เพ็ญแข” จึงไม่คิดที่จะฟ้องร้องเอาผิดพวกเกรียนคีย์บอร์ด  เพราะอยากให้อยู่ในกรอบการเมืองมากกว่าอยู่ในกรอบของกฎหมาย ดังนั้นจึงอยากให้เกิดเวทีดีเบตที่สร้างสรรค์

ขณะที่ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ปฏิเสธไม่รับคำท้าดีเบต ทาง “จักรภพ เพ็ญแข” ไม่ยี่หระ  เพราะมั่นใจว่าประเด็นท้าดีเบตทางความคิดระหว่างฝ่ายอนุรักษ์นิยมกับฝ่ายเสรีนิยม  จะอยู่ไปจนถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า ปี 2570 เพื่อให้ประชาชนได้เลือกว่าอยากจะพาประเทศชาติไปในทิศทางไหน  พร้อมกับการันตีไม่มีใบสั่งให้ตัวเองออกมาเปิดหน้าท้าชนกับ “คณะก้าวหน้า” และ “พรรคก้าวไกลเดิม” หรือ “พรรคประชาชน” แม้แต่ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้นำสูงสุดพรรคเพื่อไทย ยังสั่งไม่ได้

โดยเฉพาะคำว่า “ปฏิรูป” กับ “ปฏิวัติ” มีการพูดกันมานานแล้ว  แต่นิยามของ “คณะก้าวหน้า” คือ อะไร ตัวอย่างเช่น การปฏิวัติ คือ รัฐประหาร หรือ การปฏิวัติ คือ นโยบายพรรคการเมือง  ขณะที่ประเด็นที่ถกเถียงกันเรื่อง นิรโทษกรรมผู้กระทำผิดหรือผู้ต้องหาในคดีประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112  ขอกล่าวในฐานะเคยตกเป็นเหยื่อในคดี 112 ก่อนจะถูกปลดเปลื้อง  ต้องยอมรับว่าประเทศไทยเปลี่ยนไปโดยเฉพาะบรรยากาศทางการเมือง  ดังนั้นควรจะยอมรับความเปลี่ยนแปลงด้วยการที่ยอมหาพื้นที่ร่วมกัน  การที่ไม่พูดถึงนิรโทษกรรมคดี 112 ไม่ได้แปลว่าจะปล่อยมาตรา 112 แต่หมายความว่าจะต้องรับรู้ว่านี่คือปัญหาที่ต้องคุยกัน  ทั้งนี้คิดว่ามาตรา 112 กลายเป็นเหมือนการสู้เชิงสัญลักษณ์ และ ยอมรับว่า คนเสื้อแดงบางส่วน ไม่พอใจที่ออกมาพูดเรื่องไม่ควรนับรวมผู้กระทำผิดหรือผู้ต้องหาในคดีประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เข้าไปอยู่ในร่างกฎหมายนิรโทษกรรม

ข้อคิดที่ชวนฟังของ “จักรภพ เพ็ญแข” คำถามว่า ในกลุ่มคนเสื้อแดง มีคนที่มีแนวคิดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ในทางหัวรุนแรงมีมากหรือไม่ เชื่อว่าไม่มีแล้ว และคิดว่าคนที่ต่อสู้กันมาไม่ว่าจะสีไหนก็ตาม คงจะเริ่มได้ข้อคิดแล้วว่าเราตั้งโจทย์ถูกหรือเปล่า เพราะโจทย์ที่แท้จริง คือ คุณภาพชีวิตของคน  ไม่ว่าจะมีการปกครองด้วยระบอบใดหรือมีรัฐบาลแบบใด  ประชาชนต้องการได้คนดีมาบริหารประเทศ  และการปฏิรูปการเมืองต้องค่อยเป็นค่อยไปให้เป็นไปตามการเปลี่ยนแปลงตามวิถีไทยที่ดีกว่า

ถึงบางอ้อ รู้แล้วว่าทำไม “จักรภพ เพ็ญแข” คันปากอยากประชันกึ๋นกับ 2 เจ้าสำนักพรรคส้ม แม้เจ้าสำนักพรรคส้ม จะไม่รับคำท้า แต่เชื่อได้ว่า สักวันต้องรับคำท้า ดั่งเช่นที่ “จักรภพ เพ็ญแข” พูดไว้ ประเด็นท้าดีเบตทางความคิดระหว่างฝ่ายอนุรักษ์นิยมกับฝ่ายเสรีนิยม จะกลายเป็นประเด็นและจะอยู่ไปจนถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า ปี 2570 เพื่อให้ประชาชนได้เลือกว่าอยากจะพาประเทศชาติไปในทิศทางไหน?