ขณะที่นางสาวธีรรัตน์ ชี้แจงแทนนายกรัฐมนตรีว่า ขณะนี้รัฐบาลมีงบประมาณ 3 ก้อนใหญ่ๆในการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัย ประกอบด้วย 1.งบประมาณ 3,045 ล้านบาท ครอบคลุม 57 จังหวัดพื้นที่ประสบภัย โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง เบื้องต้นจะได้ที่ประมาณ 5,000-9,000 บาทต่อครัวเรือน ซึ่งทางรัฐบาลทราบดีว่าไม่เพียงพอ แต่เราจำเป็นต้องดูแลทุกคนอย่างทั่วถึง ฉะนั้นเบื้องต้นจะได้แบบปูพรม 5,000บาทในสัปดาห์นี้ หลังจากนั้นมีแนวโน้มเราจะสามารถของดเว้นให้เป็นอัตรา 9,000 บาทในการประชุมคณะรัฐมนตรีสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ดีในวันพรุ่งนี้ประชาชนจะได้รับเงินเยียวยากลุ่มแรกคือ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย 2.กองทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัย หากบ้านเสียหายทั้งหลังช่วยเหลือ 230,000 บาทต่อหลัง กรณีเสียชีวิต50,000บาท 3.เงินทดรองราชการที่ทุกจังหวัดมีอยู่ 20 ล้านบาท สามารถใช้จ่ายได้ทันที รัฐบาลยังได้อนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมแก่จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดเชียงราย อีกจังหวัดละ 100 ล้านบาท เพื่อเบิกจ่ายนำไปใช้ซ่อมแซมบ้านเรือนและเหตุฉุกเฉิน และมีแนวโน้มจะเพิ่มเติมให้ที่จังหวัดพะเยา จังหวัดลำปางและจังหวัดสุโขทัย ที่มีความเสี่ยงเช่นเดียวกัน นอกจากนี้กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม. ได้มอบเงินให้แก่กลุ่มเปราะบางด้วย

สำหรับการช่วยเหลือเกษตรกรนั้น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า การเยียวยาข้าวไร่ละ 1,340 บาทนั้นเป็นเกณฑ์ปัจจุบัน แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการระหว่างกรมบัญชีกลางกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปรับเป็นไร่ละ 2,200บาท เป็นต้น จึงอยากฝากไปยังเกษตรกรช่วยปรับปรุงบัญชีการประกอบการด้วย เพื่อความรวดเร็วในการช่วยเหลือเยียวยาต่อไป พร้อมยืนยันเรามีมาตรการที่ครบและรอบด้านทั้งเรื่องฟื้นฟูสถานที่พื้นเศรษฐกิจ กระตุ้นหมุนเวียนเศรษฐกิจ เช่น วานนี้ปล่อยเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท ประชาชนก็ได้ออกไปจับจ่ายใช้สอย และการจ่ายเงินของเราเป็นการจ่ายเงินแบบทั่วประเทศ

นางสาวธีรรัตน์ ทิ้งท้ายว่า เราเองไม่สามารถทำงานแบบพูด พูด พูด แต่ไม่ได้ทำ เราลงมือทำในพื้นที่จริง ๆ ถ้าพูดอย่างเดียวแล้วไม่ทำสถานการณ์คงไม่กลับมาได้โดยเร็ว เงินงบกลางก็คงไม่ออกไปโดยเร็ว ซึ่งระหว่างนี้นายฐากูรได้หันไปพูดคุยกับเพื่อนสส.ที่อยู่ข้างๆ ทำให้นางสาวธีรรัตน์บอกนายฐากูรว่าอย่าเพิ่งคุย ฟังก่อน จะได้รับทราบว่าตนพูดอะไรให้ฟังบ้าง เพราะที่ตนได้ตอบไปเป็นความชัดเจน และมีกรอบการทำงานอย่างชัดเจน

พร้อมกล่าวต่อว่าตนอยากเห็นประชาชนมีกำลังใจที่ดี อยากเห็นข้าราชการทำงานอย่างมุ่งมั่น โดยไม่มีภาวะกดดันจากโซเชียล ทำงานหนักมาก แต่โซเชียลไม่ได้เอาไปออกให้คนอื่นเห็นเลย แต่ขณะที่บางคนไม่ได้ทำอะไรเยอะ แต่โซเชียลเยอะทั่วประเทศไปหมด อันนี้เป็นการบั่นทอนจิตใจของผู้ทำงานหน้างานจริงๆ จึงอยากให้ท่านปรับแนวความคิดเสียใหม่ ว่าขณะนี้ทุกๆหน่วยงานลงไปในพื้นที่จริงๆ และอยากให้ประชาชนได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด รวมทั้งสถานการณ์กลับมาสู่ปกติโดยเร็ว