กระทั่ง เด็กหญิงพิม อายุได้ 4 ขวบ เธอตั้งท้องกับนายหมู และจับได้ว่านายหมู มีผู้หญิงอื่น จึงเลิกรากัน ตอนนั้นเธอเห็นว่าพ่อแม่ของนายหมู รักและเลี้ยงดูน้องสาวอย่างดี จึงไม่ได้นำน้องสาวออกมาจากบ้านนั้นด้วย จากนั้นก็ได้พาลูกไปเจอปู่กับย่าบ้าง และได้เจอน้องสาวเป็นบางครั้ง ก็ดูเหมือนไม่มีอะไร จนเมื่อไม่กี่วันนี้ เธอได้แชตเฟซบุ๊กคุยกับน้องสาว โดยน้องสาวบอกว่ารู้ความจริงแล้วว่า พ่อแม่ของนายหมูไม่ใช่พ่อแม่จริงๆ เพราะเห็นเอกสารที่ระบุชื่อพ่อแม่แท้ๆ ขณะไปทำบัตรประชาชน

เด็กหญิงพิม ยังได้เล่าอีกว่า ถูกพ่อนายหมู ข่มขืนกระทำชำเราตั้งแต่ 8 ขวบ เรื่อยมาเวลาที่ภรรยานายหมู ไม่อยู่ โดยเขาข่มขู่ว่า “อย่าไปบอกใคร ถ้าบอกใครแล้วพ่อจะติดคุก” น้องสาวรักพ่อนายหมู เพราะคิดว่าเป็นพ่อแท้ๆ จึงไม่ได้บอกใคร จนมารู้ความจริงก็ต้องทนทุกข์อยู่ที่บ้านนั้น เพราะไม่รู้จะทำอย่างไร ตอนนี้น้องทนไม่ไหวแล้ว จึงขอให้เธอช่วยเหลือ ซึ่งเธอก็ไม่รู้ว่าจะเข้าไปช่วยน้องออกจากบ้านนั้นอย่างไร จึงติดต่อมายังมูลนิธิปวีณาฯ

หลังรับเรื่อง นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ได้ประสานพันตำรวจเอก ชัยวัฒน์ โลหะเวช ผู้กำกับการ สภ.ท่าตะเกียบ มอบหมายให้ พันตำรวจโท มงคล จันทร์พลอย รองผู้กำกับการสอบสวน สภ.ท่าตะเกียบ รับดำเนินการคดีนี้ โดยนางปวีณา ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิปวีณาฯ พานางสาว พร และแม่แท้ๆ ของเด็กหญิงพิม ไปแจ้งความกับที่ สภ.ท่าตะเกียบ ขณะเดียวกัน นางปวีณาได้ประสาน นางปราณี ประทุมมา พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดฉะเชิงเทรา พาแม่กับนางสาว พร ไปรับเด็กหญิงพิมที่โรงเรียน เพื่อรับเด็กเข้าคุ้มครองสวัสดิภาพทันที

ล่าสุดวันนี้ (26 ก.ย.67) นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ได้รับรายงานจากตำรวจ สภ.ท่าตะเกียบ ว่า หลังสอบสวนผู้เสียหาย และได้คลิปวิดีโอเป็นหลักฐาน ทางตำรวจได้ไปควบคุมตัวพ่อของนายหมู ที่ก่อเหตุมาแจ้งข้อหา “อนาจารเด็ก และครอบครองสื่อลามก” เนื่องจากตรวจสอบในโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหา พบหลักฐานภาพ และคลิปลามกเป็นจำนวนมาก สอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ

จากนี้ จะได้ส่งเด็กหญิงพิม ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล และจะสอบสหวิชาชีพ หากผลตรวจร่างกายพบร่องรอยการถูกล่วงละเมิดทางเพศ ก็จะแจ้งข้อหา “กระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกินสิบสามปี” และข้อหาอื่นๆ เพิ่มเติม พร้อมเตรียมนำตัวส่งฝากขังศาลในวันพรุ่งนี้ (27 ก.ย.) ต่อไป