“สายไหมต้องรอด” นำทีมเข้าช่วย “ลุงป่วยพิการ” ถูกลูกทาสยา ทุบตี ผลาญเงินสูญกว่า 7 ล้านบาท

"สายไหมต้องรอด" นำทีมเข้าช่วย "ลุงป่วยพิการ" ถูกลูกทาสยา ทุบตี ผลาญเงินสูญกว่า 7 ล้านบาท

Top news รายงาน กรณี นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้ง เพจสายไหม พร้อมเจ้าหน้าที่กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ร่วมลงพื้นที่ ไปยังวัดผาสุกมณีจักร เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เพื่อช่วยเหลือ นายอำพล หรือลุงอ่ำ อายุ 62 ปี อดีตพนักงานบริษัทเอกชน ซึ่งป่วยด้วยโรคเส้นเลือดในสมองตีบ จนกลายเป็นผู้พิการ ถูกลูกชายแท้ ๆ คือ นายอดิเทพ หรือบอล อายุ 33 ปี ซึ่งติดยาเสพติด และการพนันออนไลน์ อย่างหนัก อาละวาด ทำร้ายร่างกายบ่อยครั้ง และผลาญเงินเกษียณของลุงอ่ำ 7 ล้านบาทจนหมด

 

 

โดยเมื่อวานที่ผ่านมา นายอดิเทพ ถึงขนาดบังคับให้ลุงอ่ำ ออกเรี่ยไร ขอเงินจากญาติมาให้ แต่ลุงปฏิเสธ จึงถูกลูกทำร้ายร่างกาย และใช้ขวดตีหัว จนบาดเจ็บ สภาพสะบักสะบอม ต้องไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน จนเพื่อนบ้านทนเห็นสภาพอันน่าเวทนาไม่ไหว จึงพาลุงอ่ำหนีออกจากบ้านพักย่านซอยพระยาสุเรนท์ เขตคลองสามวา หลบไปอยู่ที่วัดผาสุกมณีจักร ย่านเมืองทองธานี นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลว่า ภรรยาลุงอ่ำ ก่อนเสียชีวิต ได้ถูกลูกทรพีรายนี้ ทุบตีเป็นประจำ จนกระดูกหักสุดท้ายเป็นมะเร็งในจุดที่ถูกทำร้ายจนเสียชีวิตในที่สุด

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

วันนี้ (28 ก.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ผ่านมา นายเอกภพ พร้อมทีมงานสายไหมต้องรอด, พ.ต.ต.รอสลี นางา สวป.สน.บางชัน ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจและฝ่ายสืบสวน สน.บางชัน และเจ้าหน้าที่กระทรวง พัฒนาสังคมฯ พานายอำพล กลับไปยังบ้านพัก เลขที่ 90/153 หมู่บ้านมัณฑนา ซอย 22 ถนนพระยาสุเรนทร์ซอย 36 แขวงบางชัน เขตคลองสามวา พบว่าบ้านปิดเงียบ มีเพียงข้อความที่ลูกชายที่เขียนใส่กระดาษแปะไว้ที่ประตูบ้าน ที่ระบุว่า หากพ่อกลับมาให้โทรหา เจ้าหน้าที่จึงประสานให้ลูกชายเข้ามาพูดคุย

กระทั่งต่อมาเวลา 13.40 น. นายอดิเทพ ได้เดินทางกลับบ้านมาพร้อมกับเพื่อน ด้วยสีหน้าซีดเซียว ก่อนเดินเข้าไปพูดคุยกับผู้เป็นพ่อ และนำซองสีน้ำตาล ภายในมีเงินสด ประมาณกว่า 30,000 บาท ยื่นให้กับลุงอ่ำพร้อมกับพูดว่า “ขอโทษครับพ่อ ผมไม่รู้ว่าพ่อเป็นอะไร”

โดย นายอดิเทพ กล่าวว่า เงินสดดังกล่าวเป็นเงินจากการที่ตนนำรถยนต์ไปขาย ได้เงินมาประมาณ 450,000 บาท เมื่อถามว่า ได้ทำร้ายคุณพ่อหรือไม่ และทำบ่อยแค่ไหนนั้น นายอดิเทพ ตอบว่า ก็มีบ้าง เวลาทะเลาะกัน และทำบ่อย แต่ปฏิเสธเรื่องใช้ขวดตีพ่อ พร้อมสารภาพว่า ก่อนหน้านี้ ตนเสพยาไอซ์ แต่เลิกได้ 2 อาทิตย์แล้ว ส่วนที่ตนตาลอยๆ เพราะเครียดนอนไม่หลับ ต้องหาเงินใช้หนี้

เมื่อถามว่าตอนทำร้ายพ่อ ยังมีสติดีหรือไม่ นายอดิเทพ บอกว่า รู้ตัวครับ ส่วนร่องรอยช้ำตามตัวพ่อ นั้นตนใช้มือตี สาเหตุที่ทำเพราะเครียดหลายเรื่อง เวลาตนขออะไรไม่ได้ ก็จะส่งเสียงตะโกน แล้วขึ้นไปนอน อ้างว่าทำร้ายพ่อ 2-3 ครั้ง และเนื่องจากเครียดปัญหาหลายอย่างจึงซื้อยาเสพติดจากเพื่อนมาเสพเพื่อคลายเครียด

เมื่อถามนายอดิเทพ ว่าเคยทำร้ายแม่หรือไม่ จนแม่ต้องตรอมใจตาย นายอดิเทพ ตอบว่า ไม่เคยทำร้าย แต่น่าจะใช่ที่แม่เสียชีวิตเพราะตรอมใจพร้อมปฏิเสธว่า ไม่ได้ติดการพนันออนไลน์แต่อย่างใด ตนไม่อยากถูกจับไปเรือนจำ แต่ที่ทำร้ายพ่อเพราะความเครียดเยอะเกิน ส่วนเงิน 7 ล้านบาทของพ่อ นั้น นายอดิเทพ อ้างว่า อาแปะเป็นคนนำเงินแบ่งมาให้ใช้ เดือนละ 20,000 บาท และยอมรับว่าขอเงินไปกว่า 1 แสนบาทเพื่อเอาไปแต่งรถ แต่ตนไม่ได้ใช้หมด 7 ล้านเพราะอาแปะเป็นคนจ่ายให้ตน

ด้านลุงอ่ำยืนยันกับเจ้าหน้าที่ว่า ยังอยากอาศัยอยู่กับลูกและทนพฤติกรรมไหว ก่อนที่นายอดิเทพ จะยกมือไหว้พร้อมพูดว่า “ขอโทษนะป๊า บอลหาเงินได้แค่นี้” ทำให้ผู้เป็นพ่อร่ำไห้สะอื้นทันที ขณะที่ เจ้าหน้าที่กระทรวง พม.จึงเข้าพูดคุยทำความเข้าใจกับนายอดิเทพ และนายอำพล สองพ่อลูกเพื่อจะนำตัวนายอำพล ผู้เป็นพ่อไปรักษาตัวยังบ้านพัก ของกระทรวง พม.

 

 

 

 

 

 

ด้าน นายเอกภพ กล่าวว่า หลังรับแจ้งจากเพื่อนบ้าน ตนจึงประสานไปยัง พ.ต.อ.กฤติเดช ภูมิธเนศ ผกก.สน.บางชัน เพื่อให้ ส่งเจ้าหน้าที่สายตรวจ สน.บางชัน และเจ้าหน้าที่กระทรวง พม. ลงพื้นที่ช่วยเหลือคุณลุง เบื้องต้นจึงส่งตัวคุณลุงให้ทาง พม.ดูแล และนำตัวนายอดิเทพ ไปดำเนินคดี ข้อหาทำร้ายร่างกาย โดยให้ญาติของลุงอ่ำเป็นผู้แจ้งความร้องทุกข์

เจ้าหน้าที่กระทรวง พม. กล่าวว่า หลังจากนี้จะต้องมีการไกล่เกลี่ยพูดคุยกับ นายอดิเทพ ลูกชายและตัวนายอำพล ผู้เป็นพ่อ โดยช่วงแรกนายอำพล ไม่ยอมให้ พม.รับตัวไป แต่หลังจากพูดคุยแล้วก็ยอม โดยเจ้าหน้าที่จะนำตัวนายอำพล ไปดูแล ณ ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ จังหวัดปทุมธานี และรอจนกว่า ทางครอบครัวนายอำพล พร้อมรับกลับไปอยู่ที่บ้าน

ด้าน พ.ต.ต.รอสลี กล่าวว่า เบื้องต้น แม้พ่อจะไม่ต้องการแจ้งความ แต่การกระทำดังกล่าว ก็เข้าข่ายความผิดฐานทำร้ายร่างกายต่อบุคคลเฉพาะเจาะจง เช่น บุพการี ซึ่งต้องให้พนักงานสอบสวนสอบสวนดำเนินคดี นอกจากนี้ยังจะต้อง ตรวจปัสสาวะนายอดิเทพ เพื่อหาสารเสพติดในร่างกายต่อไปด้วย

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

พายุฤดูร้อน ซัดบ้านพังยับ หลายร้อยหลังคาเรือนรับผลกระทบ
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) ลุงชาวจีนโชว์'สีเลื่อย'สร้างเสียงเพลง
นายกฯ หารือผู้บริหาร DKSH ส่งเสริมยกระดับสินค้าไทย ดังไกลทั่วโลก
“ภูมิธรรม” ขอให้มูฟออน ปม “อุยกูร์” ยืนยันทุกคนปลอดภัย
เอาจริง "ผอ.อผศ." เดินหน้าเอาผิดแก๊งทุจริตยา "รพ.ทหารผ่านศึก" ชี้ 7 วัน ทุกอย่างชัดเจน
“คมนาคม” ผุด 5 มาตรการ ป้องกันอุบัติเหตุจากรถโดยสารไม่ประจำทาง
"นิพนธ์" ยินดี "สุพิศ" ทำหน้าที่นายกอบจ.สงขลา วันแรก ย้ำยึดคำหาเสียง 5 เรื่องหลัก นำปฏิบัติเป็นรูปธรรม
MEA จับมือพันธมิตรภาครัฐ-เอกชน จัดกิจกรรม Together We Share 2025 สานสัมพันธ์สมาชิก สร้างความร่วมมือ พร้อมยกระดับศักยภาพการสื่อสารองค์กรด้วย Generative AI
TSB เปิดรับสแกนจ่ายผ่าน QR-Promt Pay ได้ทุกสาย 100% เริ่มทันที มี.ค.2568
ไทยต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เข้าประเทศทะลุ 7 ล้านคน คาดปีนี้คึกคักกว่าที่เคย

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น