ชิงเปรตส่งเปรต..!!ชาวเมืองคอนร่วมทำบุญใหญ่ส่งเปรตกับนรกภูมิ -ร่วมพิธีชิงเปรตสุดคึกคักทุกวัดทั่วจังหวัด

ชิงเปรตส่งเปรต..!!ชาวเมืองคอนร่วมทำบุญใหญ่ส่งเปรตกับนรกภูมิ -ร่วมพิธีชิงเปรตสุดคึกคักทุกวัดทั่วจังหวัดหลังเที่ยงคืนของวันนี้จะถูกนเรียกตัวกลับ นรกภูมิไปชดใช้กรรมและนำบุญกุศลที่ได้รับในช่วงเทศกาลบุญสารทเดือนสิบ เพื่อไถ่โทษ หากมีโทษน้อยก็จะพ้นโทษหลุดพ้นไปผุดไปเกิดต่อไป

จากกรณีที่จังหวัดนครศรีธรรมราช จัดงานประเพณีเทศกาลบุญสารทเดือนสิบประจำปี 2567 ระหว่างวันที่ 24 กันยายนถึง 8 ตุลาคม 2567 โดยกิจกรรมที่เป็นหัวใจหลักคือการจัดนิทรรศการหุ่นเปรต ซึ่งกำหนดจัด 2 รูปแบบ ทั้งแบบย้อนยุคโบราณจัดภายในบริเวณวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารมีการจัดนิทรรศการพระบรมธาตุมรดกโลก การจัดหฺมฺรับแบบโบราณ จัดแสดงตะเกียงเจ้าพายุและตลาดย้อนยุคหลังคามุงจาก โดยมีการแสดงมหรสพพื้นบ้านแสดงแบบ “แบกะดิน” ทั้งเพลงบอก หนังตะลุงและมโนราห์ เพื่อน้อมถวายองค์พระบรมธาตุอย่างต่อเนื่องทุกคืน โดยเมื่อคืนที่ผ่านมา (27 ก.ย.) การจัดกิจกรรมลานหุ่นเปรตทั้ง 2 รูปแบบ มีประชาชนและนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะจากประเทศมาเลเซียเดินทางเข้ามาร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมากและสนุกสนานกับรำวงเวียนครกลานเปรตในวัดพระนคร พร้อมเดินชมเลือกซื้อขนมพื้นบ้านอาหารพื้นเมืองในตลาดโบราณหลังคามุงจากกันอย่างคึกคักต่อเนื่อง
(2 ต.ค.) ภายในวัดทุกวัดในจังหวัดนครศรีธรรมราชมีประชาชนหลั่งไหลไปร่วมในการประกอบพิธีทำบุญใหญ่หรือทำบุญส่งตายายหรือจงเปรตเนื่องในเทศกาลบุญสารทเดือนสิบโดยที่วิหารคดวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ทางสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครศรีธรรมราชคณะกรรมการโครงการพระบรมธาตุมรดกโลก สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราชได้ร่วมกันประกอบพิธีทำบุญ ส่งตายายหรือส่งเปรตเนื่องในเทศกาลบุญสารทเดือนสิบเช่นกัน มีพระธรรมวชิรากรและคณะสงฆ์วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร โดยมีพระธรรมวชิรากรเจ้าอาวาสวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 16 -17 -18 (ธรรมยุติ)เป็นประธานสงฆ์ ซึ่งหลังจากการประกอบพิธีตามลำดับ ขั้นตอนทางพระพุทธศาสนา เรียบร้อยแล้วมีการสวดมาติกา บังสกุลอุทิศบุญกุศลไปให้บรรพบุรุษบรรพชนที่ล่วงลับไปแล้ว หรือเปรต
หลังจากนั้นจึงนำขนมเดือนสิบ ข้าวของเครื่องใช้ ที่จำเป็นตามคติความเชื่อออกมาตั้งบนหลาเปรต บริเวณหาดทรายแก้ว หน้าองค์พระบรมธาตุเจดีย์ ซึ่งอยู่ระหว่างการนำเสนอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ซึ่งในปีนี้ ทางจังหวัดนครศรีธรรมราชมอบหมายให้สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราชจัดกิจกรรมนิทรรศการหุ่นเปรตภายในวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จึงมีติดตั้งประดับประดาอยู่บริเวณหาดทรายแก้วจำนวนมากเป็นที่สนใจของพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยว ที่แห่เดินทางเข้ามาร่วมกิจกรรมและชมนิทรรศการบุญเกิดเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้เพื่อที่จะร่วมกันประกอบพิธีชิงเปรต ตามคติความเชื่อต่อไป

การ “ ชิงเปรต” เป็นประเพณีเนื่องในเทศกาลวันสารทเดือนสิบของชาวภาคใต้ โดยทำร้าน จัดหฺมฺรับอาหารคาวหวาน (ดูหฺมฺรับ) ไปวางเพื่ออุทิศส่วนกุศลส่งไปให้เปรตชน (ปู่ ย่า ตา ยาย และบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว) หลังจากวางหฺมฺรับลงบนร้านเปรต2 แล้ว พวกลูกหลานก็จะเข้าแย่งอาหารนั้นแทน จึงเรียกว่า “ชิงเปรต”
“ในสารานุกรมราชบัณฑิตยสถานว่า การชิงเปรตที่ปฏิบัติกันในประเพณีสารทเดือนสิบนี้มีลักษณะคล้ายกับการทิ้งกระจาดของจีน ดังความตอนหนึ่งว่า….  “เรื่องชิงเปรตนี้ ดูไม่ผิดกับอะไรเรื่องทิ้งกระจาดของจีนที่เขาทำในกลางเดือน 7 ของเขา ซึ่งตรงกับเดือน 9 ของไทย คือ เขาปลูกเป็นร้านค้ายกพื้นสูง นำเอาขนมผลไม้เป็นกระจาดขึ้นไปไว้บนนั้น นอกจากนี้ยังมีของมีราคา เช่น เสื้อผ้า คลุมบนเครื่องสานไม้ไผ่ คล้ายตะกร้า เมื่อถึงเวลามีเจ้าหน้าที่ 2-3 คน ขึ้นไปประจำอยู่บนนั้นแล้วจับโยนสิ่งของบนร้านลงมาข้างล่างให้แย่งชิงกัน เดิมเห็นจะโยนทิ้งลงมาทั้งกระจาดจึงเรียกชื่อว่าอย่างนั้น ต่อมาใช้หยิบของในกระจาดบนร้านทิ้งลงมาเท่านั้น ส่วนเสื้อผ้าโดยส่วนมากเป็นผ้าขาวม้า เขาทิ้งลงมาทั้งตะกร้าที่เอาผ้าติดไว้ ผลไม้และขนมโดยมากเป็นขนมเข่งที่ทิ้งลงมานั้นมีแต่พวกเด็ก ๆ และผู้หญิงแย่งกัน ส่วนผู้ชายไม่ใคร่เพราะคอยแย่งเสื้อผ้าดีกว่าลูกไม้ และขนมที่ทิ้งลงมากว่าจะแย่งเอาได้ก็เละเทะบ้างเป็นธรรมดา แต่เสื้อผ้าที่ทิ้งลงมานั้นแย่งกันจนขาดไม่มีชิ้นดี บางทีคนแย่งไม่ทันใจปีนร้านขึ้นไปแย่งกันบนนั้น เจ้าหน้าที่มีน้อยห้ามไม่ไหว คราวนี้ชุลมุนวุ่นวายกันใหญ่ ถึงกับร้านทานน้ำหนักไม่ไหวพังลงมาก็เคยมี ต่อมาจึงได้เปลี่ยนเป็นทิ้งสลากสำหรับเสื้อผ้า ส่วนของอื่นยังคงทิ้งลงมาให้แย่งกัน การทิ้งกระจาดของจีนเป็นการทิ้งทานให้แก่พวกผีไม่มีญาติ ส่วนการไหว้เจ้าชิดง่วยปั่วหรือสารทกลางปีของเขา เป็นการเซ่นผีปู่ย่าตายาย คือทำบุญให้แก่ญาติที่ตายไป” การทิ้งกระจาดของจีนมีเป้าหมายตรงกับการตั้งเปรต-ชิงเปรตของไทยเพียงบางส่วนเท่านั้น กล่าวคือการทิ้งกระจาดของจีนเป็นการทิ้งทานให้แก่พวกผีไม่มีญาติเท่านั้น ส่วนการตั้งเปรต-ชิงเปรตของไทยเป็นการอุทิศส่วนกุศลไปให้ทั้งผี (เปรต) ที่เป็นญาติพี่น้องของตนเองและที่ไม่มีญาติด้วย นอกจากนั้นแล้ว วิธีการปฏิบัติในการทิ้งกระจาดและการชิงเปรตก็ต่างกันด้วย
รศ.ดร.สืบพงศ์ ธรรมชาติ ผอ.สถาบันทักษิณคดีศึกษา มหาวิทยาลัยทักษิณ ยืนยันว่าการชิงเปรต ไม่เป็นความอัปมงคลแก่ผู้ชิงแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้ามถือว่าเป็นการบุญด้วยซ้ำไป เพราะเชื่อกันว่าบุตรหลานของเปรตตนใดชิงได้ เปรตตนนั้นย่อมได้รับส่วนนั้น เพียงแต่ว่าผู้ชิงต้องระมัดระวังในการที่อาหารหรือขนมที่ตั้งเปรตอาจตกหล่นลงพื้น ซึ่งจะทำให้เกิดความสกปรกและเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
การตั้งเปรตและชิงเปรตจะกระทำในวันที่ยกหฺมฺรับไปวัดไม่ว่าจะเป็นวันแรม 14 ค่ำ หรือ 15 ค่ำ เดือน 10 ก็ตาม ผู้ตั้งเปรตจะนำอาหารอีกส่วนหนึ่งไปเพื่อการตั้งเปรตด้วย อาหารที่ใช้ตั้งเปรตนี้ส่วนมากจะเป็นอาหารที่บรรพบุรุษที่เป็นเปรตชอบอย่างละนิดละหน่อย ขนมที่ไม่ค่อยขาดคือ ขนมลา ขนมพอง ขนมบ้า ขนมเจาะหู (ขนมเมซำ เบซำ หรือดีซำ) ขนมไข่ปลา (ดู ขนมเดือนสิบ) นอกจากขนมดังกล่าวแล้ว ยังมีของแห้งที่ใช้เป็นเสบียงกรังก็จัดฝากไปด้วย เช่น ข้าวสาร หอม กระเทียม พริก เกลือ กะปิ น้ำตาล ปลาเค็ม กล้วย อ้อย มะพร้าว ไต้ เข็มเย็บผ้า ด้าย และธูปเทียน นำลงจัดในหฺมฺรับ โดยเอาของแห้งดังกล่าวรองก้นและอยู่ภายใน ส่วนขนมทั้งหลายอยู่ชั้นนอกปิดคลุมด้วยผืนลาทำเป็นรูปเจดีย์ยอดแหลม หรือรูปอื่นใดแล้วแต่การประดิษฐ์ของผู้จัด ส่วนภาชนะที่ใช้ เดิมนิยมใช้กระเชอหรือถาด นำหฺมฺรับที่จัดแล้วไปวัด รวมกันตั้งไว้บนร้านเปรตซึ่งสร้างไว้กลางวัดยกเสาสูง ต่อมาในระยะหลัง ๆ ร้านเปรตทำเป็นศาลาถาวร หลังคามุงจากหรือมุงกระเบื้องแล้วแต่ฐานะของวัด บางถิ่นจึงเรียกว่า “หลาเปรต” บนร้านเปรตจะมีสายสิญจน์วงล้อมไว้รอบและต่อยาวไปจนถึงพระสงฆ์ที่ตั้งอยู่ในวิหารเป็นที่ทำพิธีกรรม โดยสวดบังสุกุลอัฐิหรือกระดาษเขียนชื่อของผู้ตาย ซึ่งบุตรหลานนำมารวมกันในพิธีต่อหน้าพระสงฆ์ บุตรหลานจะกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญไปยังเปรตชนที่เป็นบรรพบุรุษ

เมื่อเสร็จพิธีแล้ว เก็บสายสิญจน์ ขนมต่าง ๆ จะถูกแบ่งออกส่วนหนึ่งพร้อมกับของแห้งไว้ถวายพระ อีกส่วนหนึ่งให้เปรตชนที่พอมีกำลังเข้ามาเสพได้ ในขณะเดียวกันผู้ที่มาร่วมทำบุญ ทั้งหนุ่มสาว เฒ่าแก่ และโดยเฉพาะเด็ก ๆ จะเข้าไปรุมกันแย่งขนมที่ตั้งเปรตนั้นด้วยความสนุกสนาน เชื่อกันว่าการแย่งขนมเปรตที่ผ่านการทำพิธีแล้วนี้จะได้กุศลแรงเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัวยิ่งนัก และยังเชื่อกันต่อไปว่าขนมเหล่านี้ถ้านำไปหว่านในสวนในนาจะทำให้พืชผลอุดมสมบูรณ์เพิ่มผลผลิตสูง โดยเฉพาะขนมเทียน บางแห่งนำไปติดไว้ตามต้นไม้ผลเพื่อจะให้มีผลดก นอกจากมีการจัดทำร้านเปรตไว้ดังกล่าวแล้ว ยังมีร้านเปรตอีกลักษณะหนึ่งคือจัดสร้างขึ้นในบริเวณวัด ไม่ห่างไกลจากร้านเปรตกลางวัดเท่าใดนักโดยใช้ลำต้นของไม้หมาก หรือไม้ไผ่ หรือไม้หลาโอน (เหลาชะโอน) ยาวประมาณ 3 เมตร เอาเปลือกหยาบภายนอกออกตบแต่งให้ลื่น ถ้าเป็นไม้ไผ่มักใช้ไม้ไผ่ตงเพราะลำใหญ่ ไม่ต้องเอาผิวออก เพียงแต่เกลาข้อออกและใช้น้ำมันมะพร้าวชโลมจนทั่วเพื่อเพิ่มความลื่นให้มากขึ้น เอาโคนเสาฝังดิน ปลายเสาใช้ไม้ทำแผงติดไว้ พร้อมกับผูกเชือกไว้ใต้แผง ปลายเชือกผูกขนมต่าง ๆ ของเปรตห้อยไว้ จัดให้บุตรหลานของเปรตชนปีนขึ้นไปชิงขนมเหล่านั้นแทนเปรต ใครปีนขึ้นไปชิงได้มากก็ให้รางวัลมาก ใครได้น้อยให้รางวัลน้อยลดลงตามส่วน จัดผู้ปีนให้ขึ้นไปทีละคนโดยให้นุ่งแต่ผ้า ห้ามสวมเสื้อ และห้ามสวมรองเท้า ทั้งนี้เกรงเสื้อและรองเท้าจะเช็ดน้ำมันออกเสียเมื่อปีนขึ้นไปจะทำให้ความลื่นลดลง  ก็จัดเป็นการเล่นที่สนุกสนานมาก น้อยคนที่จะปีนขึ้นไปได้ เพราะส่วนใหญ่จะลื่นตกลงมา การปีนเสาขึ้นชิงเปรตนี้ จะกระทำหลังจากร่วมชิงกันที่ร้านเปรตแล้ว เสาที่ทำดังกล่าวก็ถือกันว่าเป็นร้านเปรตอีกชนิดหนึ่ง เพียงแต่มีเสาเดียวและอยู่สูง ขึ้นชิงได้เพียงครั้งละคน ไม่เหมือนกับร้านเปรตเตี้ย ๆ ซึ่งไม่ต้องปีนป่ายขึ้นไปก็สามารถเข้าชิงได้พร้อมกัน หลังจากนั้นก็มักมีผู้ใจบุญโปรยทานโดยใช้เหรียญสตางค์โยนไปทีละมากเหรียญ ตรงไปยังฝูงชนที่เรียกว่า “หว่านกำพรึก” แย่งกันอย่างสนุกสนาน
ยังมีเปรตชน หรือเปรตอยู่อีกพวกหนึ่งซึ่งมีบาปหนาไม่กล้าเข้าไปรับอาหารที่ลูกหลานเอาไปวางไว้ให้บนร้านเปรตใน เขตวัด ได้แต่เลียบ ๆ เคียง ๆ อยู่ริมรั้วชายวัด บรรดาลูกหลานทั้งหลายจึงได้นำอาหารขนมดังกล่าวไปตั้งเปรตกันนอกเขตวัด เป็นการตั้งเปรตแบบวางกับพื้นดิน ตั้งให้เปรตชนบนพื้นดิน พื้นหญ้าหรือตามคาคบไม้เตี้ย ๆ เมื่อตั้งเปรตแล้วลูกหลานอาจแย่งชิงกันก็เป็นอันเสร็จสิ้นการชิงเปรตสำหรับปีนั้น บรรดาเปรตชนทั้งหลายก็ได้รับส่วนบุญซึ่งลูกหลานอุทิศให้และชิงให้ แล้วกลับไปสู่เปรตภูมิ คอยโอกาสจะได้กลับมาพบลูกหลานอีกในวันชิงเปรตปีต่อไป
โดยลูกหลานที่มาร่วมในกิจกรรมจริงเปลี่ยนจะตั้งหน้าตั้งตาในการแย่งชิงกันอย่างจริงจังโดยเชื่อว่าผู้ที่ได้ รับประทาน หรือมีของ ที่เหลือจากการเซ่นไหว้บรรพบุรุษบรรพชน จะเป็นสิริมงคล เด็กนักเรียน หรือเด็กเล็กๆ ที่ ที่ได้กินหรือรับประทาน ขนมหรือสิ่งของ ที่ ได้จากการชิงเปรตซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่เหลือจากการเซ่นไหว้บรรพบุรุษบรรพชน จะมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงไม่เจ็บป่วยและมีความเฉลียวฉลาดปราดเปรื่อง ในขณะ บรรดาลูกหลานที่ไม่สนใจมาร่วมทำบุญในวันสารทเดือนสิบหรือร่วมในพิธี ชิงเปรต ถือว่าเป็นผู้ที่มีความอกตัญญูจะประกอบอาชีพทำมาหากินไม่ประสบความสำเร็จประสบกับความล้มเหลวฉิบหาย ชีวิตมีแต่จะตกต่ำ ทำให้ในช่วงเทศกาลบุญสารทเดือนสิบลูกหลานชาวนครศรีธรรมราชไม่ว่าจะอยู่แห่งหนทำบุญใด จะเดินทางกลับบ้านเกิดมาร่วมในเทศกาลบุญสารทเดือนสิบ แม้แต่จะเดินทางไปอยู่ในต่างประเทศก็ตาม
ทั้งนี้ในวันนี้วันแรมึ 15 ค่ำเดือน 10 ซึ่งถือว่าเป็นวันสุดท้ายที่บรรพบุรุษบรรพชนหรือเปรต จะอยู่ในโลกมนุษย์ หลังเที่ยงคืนของวันนี้จะถูกนเรียกตัวกลับ นรกภูมิไปชดใช้กรรม โดยจะนำบุญกุศลที่ได้รับจากลูกหลานที่อุทิศไปให้ในช่วงเทศกาลบุญสารทเดือนสิบ เพื่อไถ่โทษ ให้ลดน้อยลง เปรต ที่มีโทษน้อยก็จะพ้นโทษหลุดพ้นไปผุดไปเกิดต่อไป

ไพฑูรย์ อินทศิลา/ นครศรีธรรมราช
2 ต.ค.2567

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"คู่รักต่างชาติ" ร้องปกองปราบฯ ถูก "ค่ายมวยดัง" ภูเก็ต หลอกเรียกเงินแสนแลกวีซ่า
มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ จับมือ TSB มอบรถวีลแชร์แก่ผู้ด้อยโอกาส จ.อยุธยา
สรชาติ วิชย สุวรรณพรหม รองประธานคณะกรรมาธิการพลังงาน คนที่ 1 พร้อมลุยงาน ขับเคลื่อน ส่งเสริม สนับสนุน การใช้พลังงานทดแทน
"ผู้ประกอบการ" โวยเหมาเข่ง "รถเก่า" เข้าข่าย "บัสมรณะ" ทั้งที่ผ่านการตรวจสอบจาก "กรมการขนส่งฯ"
"ศาลเจ้าแม่หน้าผา" นครสวรรค์  จัดสถานที่-โรงทาน "รับเทศกาลกินเจ" พร้อมเตรียม 8 เมนูเจ ล้างท้องวันนี้
"แพทย์สุขภาพจิต" เผยอาการจิตใจญาติผู้เสียชีวิต เหตุรถบัสไฟไหม้
จังหวัดตราดประชุมด่วนคุมมาตรการทัศนศึกษาของนักเรียนคุมไม่ให้เกิดเหตุ ขณะ ผอ.โรงเรียนหลายแห่งงดเดินทางทัศนศึกษาชั่วคราว รักษาความรู้สึกผู้ปกครอง
"ผู้ว่าฯปทุมธานี" เยี่ยมให้กำลังใจ "2 นร.-ผู้ปกครอง" เหยื่อรถบัสไฟไหม้ 
“สมศักดิ์​” เผย​อาการ​ 2 นร.​แอดมิท​ยังน่าห่วง​ ส่งทีมจิตแพทย์ประกบเด็ก-​ครอบครัว​
ชิงเปรตส่งเปรต..!!ชาวเมืองคอนร่วมทำบุญใหญ่ส่งเปรตกับนรกภูมิ -ร่วมพิธีชิงเปรตสุดคึกคักทุกวัดทั่วจังหวัด

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น