ข่าวที่น่าสนใจ
หากเทียบเคียงคดียุบพรรคระหว่าง คดียุบพรรคก้าวไกล กับคดียุบพรรคภูมิใจไทย ต่างกันสุดขั้ว ศาลรัฐธรรมนูญ ยุบพรรคก้าวไกล ด้วยคดีล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ส่วนคดีของ “พรรคภูมิใจไทย” เป็นเพียงการกล่าวหาอดีตกรรมการบริหารพรรคบริจาคเงินให้พรรคและเป็นเงินที่ได้มาโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่?
สอดคล้องกับคำกล่าวของ “แสวง บุญมี” เลขาธิการ กกต. แจงยิบคดียุบพรรคโดยเปรียบเทียบกับ กรณีของพรรคก้าวไกล มีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเป็นแนวเอาไว้แล้ว ขณะที่คดีของพรรคภูมิใจไทย เป็นการร้องว่า “ผิดหรือไม่” ซึ่งคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในกรณีของ “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” ไม่ได้เป็นความผิด อันเป็นเหตุแห่งการยุบพรรค แต่คนที่ร้องพยายามโยงไปสู่การยุบพรรคได้หรือไม่ เช่นเดียวกับคดีร้องยุบพรรคพลังประชารัฐ กรณีการรับเงินบริจาคจาก “ตู้ห่าว” เป็นเงินจากธุรกิจสีเทา ไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ซึ่งไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า เป็นเงินสีเทาจากบ่อนพนัน หรือ ค้ายา จึงเป็นอันยุติสอบคดียุบพรรคพลังประชารัฐ เช่นเดียวกับพรรคภูมิใจไทย ได้รับเงินบริจาคจากบริษัทที่ไปทำงานให้ภาครัฐเป็น “เงินหลวง” ดำเนินการถูกต้อง ไม่ได้เป็น “เงินฮั้วประมูล” ซึ่งไม่สามารถพิสูจน์ได้ ดังนั้นจึงไม่มีเหตุให้ต้องยุบพรรค
แต่ “ภัทรพงศ์ ศุภักษร” หรือ “ทนายอั๋น” ไม่ลดละความพยายามต้องการกดดันให้ “กกต.”ยุบพรรคภูมิใจไทยให้จงได้ ประกาศเดินหน้าต่อ นัดวันที่ 4 ตุลาคมนี้ จะบุกไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ปปช. ให้ตรวจสอบมาตรฐานจริยธรรมของ “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และ “ไชยชนก ชิดชอบ” เรื่องของที่ดินที่เขากระโดง เพราะเจ็บปวดหัวใจมาก ทุกครั้งที่ “อนุทิน ชาญวีรกูล” โลดแล่นเดินพรมแดงเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และหลายครั้ง “อนุทิน ชาญวีรกูล” หรือ ส.ส.ของพรรคไปต่อรองผลประโยชน์ทางการเมือง ตนรู้สึกเจ็บหัวใจ
ทั้งนี้ “ภัทรพงศ์ ศุภักษร” หรือ “ทนายอั๋น” ยังตัดพ้อว่า กรณี “เรืองไกร ลีกิจวัฒนา” มาขอยุบพรรรก้าวไกล ซึ่งช้ากว่าตนไป 1 เดือน ตอนนี้พรรคก้าวไกลโดนยุบพรรคไปแล้ว แต่กรณี “พรรคภูมิใจไทย” ยังอยู่ในขั้นของการแสวงหาข้อเท็จจริง ไม่เข้าใจว่า “แสวงหาข้อเท็จจริง” หมายความว่าการรวบรวมพยานหลักฐานที่นำไปสู่การพิสูจน์ความผิดความบริสุทธิ์ แต่แลดูแล้วคำว่า “แสวงหาข้อเท็จจริง” นั้นจะมีคำจำกัดความอยู่ในตัวว่า/ การเลือกใช้กับบางคนบางกลุ่ม บางพวกบางพรรคการเมือง ดังนั้นจึงขอขีดเส้นตาย ให้เวลากับกกต. 30 วัน ถ้าไม่ดำเนินการหรือไม่มีความคืบหน้าอะไร เจอกันที่ศาลอาญา เพราะถ้ายิ่งช้าก็จะยิ่งเสียเกียรติคุณของ กกต. หรืออาจมีคนบอกว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
“คารม พลพรกลาง” รองโฆษกรัฐบาลในฐานะแกนนำพรรคภูมิใจไทย เคยออกโรงมาฟาด “ภัทรพงศ์ ศุภักษร” หรือ “ทนายอั๋น บุรีรัมย์” ที่ต้องราวีคดียุบพรรคภูมิใจไทย ไล่บี้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต.จะยุบพรรคภูมิใจไทยกี่โมง? เพราะ “ภัทรพงศ์ ศุภักษร” หรือ ทนายอั๋น เคยลงสมัครรับเลือกตั้งในนาม “พรรคอนาคตใหม่” ในจังหวัดบุรีรัมย์ ถิ่นอิทธิพลของ “เนวิน ชิดชอบ” และ “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” แกนนำพรรคภูมิใจไทย จึงอาจมีความโกรธแค้นเป็นการส่วนตัว เพราะรับไม่ได้ที่พี่น้องชาวบุรีรัมย์ ไม่เลือก จึงพยายามเคลื่อนไหวกดดันให้ “กกต.” ต้องยุบพรรคภูมิใจไทยให้จงได้ ทั้งนี้ คดียุบพรรคภูมิใจไทย “ศุภชัย ใจสมุทร” แกนนำพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นมือกฎหมายพรรค เคยให้ความเห็นไว้ว่า กรณีของ “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” เป็นเพียงเรื่องการร้องเกี่ยวกับคุณสมบัติของรัฐมนตรี ไม่ได้ร้องสอบในตำแหน่งเลขาธิการพรรค จึงไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรค
เป็นอันว่า ฝ่ายแค้นฝังหุ่นจ้องถล่ม ไม่ระคายผิว “พรรคภูมิใจไทย” รอดยุบพรรค ขณะที่ “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เหมือนพยัคฆ์ติดปีก ปล่อยให้ “ภัทรพงศ์ ศุภักษร” หรือ “ทนายอั๋น บุรีรัมย์” เจ็บปวดหัวใจต่อไปที่ได้เห็น “อนุทิน ชาญวีรกูล” โลดแล่นบนถนนการเมืองต่อไปในนามหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
