“สืบนครบาล” บุกรวบ “น้ำหนึ่ง” นักตุ๋นสวมชุดขาวเข้าไปมั่วในสภา อ้างเป็นเลขาอดีตนายกรัฐมนตรี

เรื่องสุดแปลก “ผีข้างสภา” เมื่อมีหญิงนักต้มตุ๋นสวมชุดขาวเข้าไปมั่วในสภา ตีสนิทถ่ายภาพกับ สว. และ สส. หลายคน อ้างเป็นเลขาอดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดเรื่องแดงถูกขุดประวัติ จนถูกแบนห้ามเข้าพื้นที่ ก่อนที่ตำรวจจะบุกรวบตัว

“สืบนครบาล” บุกรวบ “น้ำหนึ่ง” นักตุ๋นสวมชุดขาวเข้าไปมั่วในสภา อ้างเป็นเลขาอดีตนายกรัฐมนตรี – Top News รายงาน

 

 

สืบนครบาล

ตำรวจสืบนครบาล นำกำลังเข้าจับกุมตัวนางสาว สุวดี นวลนิล หรือ “น้ำหนึ่ง” อายุ 47 ปี ที่ห้องพักรายวัน ย่านลาดกระบัง กรุงเทพฯ ทั้งที่ยังใส่กำไร EM พร้อมยึดของกลาง ชุดปกติขาวพร้อมเครื่องราชอิสริยาภรณ์ 1 ชุด , เสื้อคลุมสีดำ ปักคำว่า รัฐสภา 1 ชุด , เสื้อคลุมสีดำ ปักคำว่า สำนักนายกรัฐมนตรี 1 ชุด , บัตรตัวแทนพรรคการเมืองชื่อดัง 1 ใบ , และรถเก๋ง สีเทา 1 คัน ที่ใช้ซุกซ่อนของกลางและนำไปจอดแอบไว้อยู่ภายในโรงแรมแห่งหนึ่งย่านอ่อนนุช

พฤติการณ์กล่าวคือนางสาว สุวดี หรือ “น้ำหนึ่ง” เซียนนักต้มตุ๋น มาเหนือเมฆ สวมชุดขาวติดเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เข้าไปเดินมั่วในรัฐสภา ตระเวนแอบอ้างต้มตุ๋นเหล่า สว. และ สส. หลายท่าน พบประวัติก่อเหตุฉ้อโกงมา 14 คดี จากการสืบค้นในระบบข้อมูลพบว่าคดีที่เธอก่อเหตุมา เส้นทางนักต้มตุ๋นของเธอ เมื่อก่อนเริ่มจากการฉ้อโกงเล็กๆ น้อยๆ โดยทำตัวเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ตระเวนรับเงินค่าจ้างแล้วเบี้ยว หลายรายเป็นเวลาเกือบ 10 ปี จนห้วงปี 60 เริ่มหลอกลวงรูปแบบใหม่คือ “การแอบอ้าง” เธอเริ่มอ้างเป็นคนสนิท อธิการบดีมหาวิทยาลัยชื่อดัง ย่านปทุมวัน หลอกลงทุนหุ้น ลงทุนเปิดร้านค้าในมหาวิทยาลัย

จนเมื่อเข้าสู่ห้วงปี 64 เริ่มแอบอ้างเป็นคนสนิทระดับ “นายกรัฐมนตรี” หลอกลวงจะวิ่งเต้นให้ได้ตำแหน่งในสำนักนายกรัฐมนตรี หลอกจะวิ่งเต้นให้เป็นผู้ช่วย สว. จนถึงหลอกลวงลงทุน “บัตรลุงตู่พลัส” จนล่าสุดถึงขั้นสวมชุดขาวติดเครื่องราชฯ เดินเข้ามาป้วนเปี้ยนในรัฐสภาทุกสมัยการเปิดประชุมสภา กระทั่งได้มีสมาชิกวุฒิสภาท่านหนึ่งได้กล่าวในที่ประชุมเพื่อหารือเรื่องของมิจฉาชีพรายนี้กลางสภา ในการประชุมวุฒิสภาครั้งที่ 6 เมื่อวันที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยกล่าวถึงมิจฉาชีพรายนี้ว่าแอบแฝงเข้ามาในรัฐสภา ทำการตีสนิทกับ สว. และ สส. ชื่อดังหลายท่าน

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ก่อนที่มิจฉาชีพรายนี้จะแอบอ้างถึงบุคคลสำคัญ เช่น ตนเองเคยทำงานร่วมกับ พลเอก ประยุทธ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี , อ้างว่าตนเองเป็นลูกบุญธรรมของภรรยาของ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา , อ้างว่าตนเป็นญาติกับภรรยาของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล , อ้างว่าตนเป็นคนสนิทของ นายเนวิน ชิดชอบ โดยมักทำพฤติกรรมทำทีโทรศัพท์โชว์ให้ผู้อื่นหลงเชื่อ และล่าสุดทำพฤติกรรมแต่งชุดขาวพร้อมติดเครื่องราชฯ ทั้งที่ไม่ได้มีตำแหน่งหน้าที่ใดๆ เข้ามามั่วถ่ายรูปคู่กับหลายๆ คนภายในรัฐสภา โดยอ้างว่าตนเป็นข้าราชการสำนักนายกรัฐมนตรี

ต่อมาตรวจสอบจนไปทราบว่าเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ จึงได้เสนอให้สอบสวนเป็นวาระเร่งด่วน โดยตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ของรัฐสภาต้องติดประกาศห้ามเธอเข้าพื้นที่ จนเธอได้ถูกพนักงานสอบสวน สน.บางโพ ออกหมายจับ ในข้อหา “ไม่มีสิทธิสวมเครื่องแบบ เครื่องหมายยศของเจ้าพนักงาน แต่งเครื่องแบบและเครื่องหมายยศเพื่อให้ผู้อื่นเชื่อว่าตนมีสิทธิ” และเมื่อเรื่องของเธอแดงขึ้นที่สภา เธอก็ไหวตัวหลบหนีเข้ากลีบเมฆไป แต่ทางพลตำรวจตรี ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบนครบาล หรือผู้การจ๋อ ได้สั่งการให้พันตำรวจตรี ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ หรือสารวัตรแจ๊ะ นำทีมสืบนครบาลไล่ล่าตัวทันที

โดยระหว่างที่ชุดสารวัตรแจ๊ะไล่ล่า พบว่าคนร้ายได้หลบหนีไปกบดานอยู่กับ “หมอดูชื่อดัง” ตระเวนเช่าห้องพักรายวันอยู่ในย่านลาดกระบัง โดยจะเปลี่ยนที่พักทุกวันไม่ให้ซ้ำ เพื่อป้องกันการติดตามของเจ้าหน้าที่ กระทั่งวานนี้ (5 ต.ค. 67) เจ้าหน้าที่พบคนร้ายกำลังจะย้ายที่พัก จึงบุกเข้าจับกุมตัวไว้ทันที  จากการตรวจสอบโทรศัพท์พบภาพถ่ายคู่กับนักการเมืองชื่อดังหลายท่าน มีภาพถ่ายการสวมชุดข้าราชการ (ชุดขาว) หลายภาพ และจากการสอบถามชาวบ้านในพื้นที่ได้ข้อมูลว่า คนร้ายมักแอบอ้างว่าตนเองมีตำแหน่งทางการเมือง ลักษณะอวดกับพนักงานหลายๆ แห่งที่หนีไปกบดาน

 

ในชั้นจับกุม นางสาว สุวดี หรือ “น้ำหนึ่ง” ให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่า ภาพที่ปรากฏว่าตนเองใส่ชุดขาวถ่ายกับคนอื่นๆในรัฐสภา ตนเองได้นำเครื่องแบบของเพื่อนมาสวมดูเฉยๆ เพราะวันนั้นตนเองตั้งใจจะไปถ่ายภาพเพื่อนำไปสมัครเป็น สส. โดยต้นเหตุที่โดนคดีมาจากการถูกกลั่นแกล้งจาก สว. ท่านหนึ่ง ที่มีปัญหากับตนเอง เพราะเข้าใจว่าตนเองเป็นสาเหตุให้ สว. ท่านนั้นเลิกกับภรรยา จึงเดินหน้าหาเรื่องตนเอง ส่วนที่บอกว่าตนเองสนิทสนมกับ พลเอก ประยุทธฯ นั้น เพราะตนเองเคยช่วยหาเสียงให้พรรคพลังประชารัฐ และได้ถ่ายภาพคู่กับพลเอก ประยุทธฯ หลายครั้ง แต่ไม่ทราบว่า พลเอก ประยุทธฯ จะรู้จักตนเองหรือไม่

ยืนยันว่าไม่เคยไปทำอะไรเสียหายให้กับ สว. และ สส. ในสภา แต่คดีฉ้อโกงที่เกิดขึ้นนั้นส่วนใหญ่จบไปแล้ว เพราะตนเองนำเงินไปคืนให้กับผู้เสียหาย แต่ยังมีคดีที่อยู่บนศาล คือที่ไปหลอกลวงลงทุน “บัตรลุงตู่พลัส” ความเสียหาย 1 ล้าน 7 แสนบาท ศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก 3 ปี ตอนนี้อยู่ระหว่างการสู้ชั้นอุทธรณ์ ยืนยันว่าตนเองไม่เคยไปแอบอ้างไปอวดเบ่งผู้ใด แต่ถ้ามีคนบอกว่า ตนเองเคยไปแอบอ้างตนเองยินดีไปพูดคุยกับทุกคน

ทั้งนี้ ทางตำรวจ ยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหา เพราะจากข้อมูลประวัติคดี ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นคดีฉ้อโกง และพฤติกรรมที่ได้จากการสืบสวนค่อนข้างมีทิศทางตรงข้ามกับคำให้การของผู้ต้องหา ซึ่งพบพยานหลักฐานว่ามีการกระทำเช่นนี้หลายครั้ง หลังจากนี้ตำรวจจะขยายผล ก่อนนำตัวพร้อมของกลางนำส่ง สน.บางโพ ดำเนินคดีต่อไป

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

สุดทน "พ่อพิการ" ร้อง "กัน จอมพลัง" หลังถูกลูกทรพี ใช้จอบจามหัว-ทำร้ายร่างกาย จนนอน รพ.นับเดือน
สลด กระบะชนจยย.พลิกคว่ำตก "ดอยโป่งแยง" เชียงใหม่ เจ็บตายรวม 13 ราย
“สมศักดิ์” ยกนวดไทยเป็นมรดกชาติ สร้างมูลค่าเศรษฐกิจสุขภาพ เล็งพาหมอนวดโกอินเตอร์ โชว์ฝีมืองาน เวิลด์เอ็กซ์โปโอซาก้า ญี่ปุ่น
ห่ามาแล้ว! “แม่สอด” พบติดเชื้ออหิวาต์ เผยญาติฝั่งพม่าซื้อข้าวมากินด้วยกัน
ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ สั่งตั้งคกก.สอบ "ตร.จราจร" รีดเงินแทนเขียนใบสั่ง
สตม. บุกทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กลางคอนโดหรูห้วยขวาง รวบ 6 คนจีน อึ้งเจอซิมการ์ด 2 แสนซิม
ครูบาอริยชาติ เชิญชวนพุทธศาสนิกชน ฉลองสมโภช 18 ปีวัดแสงแก้วโพธิญาณ และทำบุญฉลองอายุวัฒนมงคล 44 ปี
กกต.สั่งดำเนินคดีอาญา "ชวาล" ส.ส.พรรคประชาชน ยื่นบัญชีใช้จ่ายเท็จ โทษคุก-ตัดสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี
จีนเตือนสหรัฐกำลังเล่นกับไฟหลังส่งอาวุธให้ไต้หวัน
อิลอน มัสก์วิจารณ์แรงผู้นำเยอรมันเหตุโจมตีตลาดคริสต์มาส

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น