“ทนายตั้ม” ยื่นหนังสือร้องเรียน ป.ป.ช. ตรวจสอบ “รองอธิบดีอัยการฯ” ปมร่ำรวยผิดปกติ

"ทนายตั้ม" ยื่นหนังสือร้องเรียน ป.ป.ช. ตรวจสอบ "รองอธิบดีอัยการฯ" ปมร่ำรวยผิดปกติ

วันนี้ ( 9 ต.ค.) นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน ไปยื่นหนังสือถึงเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ขอให้ตรวจสอบทรัพย์สิน รองอธิบดีอัยการฯ คนหนึ่ง กรณีที่มีพฤติกรรมร่ำรวยผิดปกติ เนื่องจากพบว่า มีบ้านในโครงการหรู ทั้งในสนามกอล์ฟ และกลางเมืองหลวงกว่า 10 หลัง พร้อมให้ตรวจสอบการครอบครอง รถหรูราคาแพง ทั้ง รถเบนซ์ , บีเอ็มดับบลิว และ พอร์ช มากกว่า 10 คัน ว่าเป็นการได้มาจากตำแหน่งหน้าที่ราชการหรือไม่

นอกจากนี้ ยังพบว่า รองอธิบดีอัยการฯ ดังกล่าว ใช้บัญชีม้า 2 บัญชี ในการทำธุรกรรมการเงิน โดยเท่าที่ทราบ ทรัพย์สินของรองอธิบดีอัยการฯ คนนี้ มีบ้านถึง 50 หลัง แต่ ณ ขณะนี้พบโฉนดกับบ้านเลขที่ประมาณ 10 หลัง ซึ่งหลังจากนี้จะทยอยยื่นเรื่องให้ตรวจสอบเพิ่มเติม โดยพฤติกรรมคือจะมีการซื้อทรัพย์สินมาใส่ชื่อแม่ และภรรยา หรือคนใกล้ชิด เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ และทราบข่าวจากสำนักงานอัยการว่าอาจจะมีการสั่งให้ออกราชการไว้ก่อนเร็ว ๆ นี้

 

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ส่วนคดีที่รองอธิบดีอัยการฯ รายนี้ ถูกกล่าวหาว่าไปเป็นชู้กับภรรยาของนักธุรกิจชาวจีนคนหนึ่งนั้น ก่อนหน้านี้ได้มีการไปร้องเรียนกับอัยการสูงสุดแล้ว ซึ่งทราบมาว่าน่าจะมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน

 

 

สำหรับกรณีที่รองอัยการฯ รายนี้เคยถูก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดในคดีเรียกรับสินบนชาวจีนที่ใช้พาสปอร์ตปลอม 500,000 บาทนั้น ก่อนหน้านี้ อัยการรายนี้เคยถูก ปปช. ชี้มูลความผิดใน 2 ข้อหา คือ ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับสินบนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 143 และรับเงินเกิน 3,000 บาท ทางอัยการคดีทุจริตได้ชี้ข้อไม่สมบูรณ์ เนื่องจากเห็นว่าความผิดดังกล่าวรวมอยู่ในข้อหา เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับสินบนแล้ว ซึ่งต่อมาทางคณะกรรมการร่วมระหว่าง ปปช. และอัยการได้พิจารณาแล้วมีความเห็นพร้อมกันว่า ให้ดำเนินคดีเฉพาะข้อหาเป็นเจ้าพนักงานได้รับสินบนข้อหาเดียว

 

 

 

 

ซึ่งมีรายงานว่า ทางอัยการสูงสุดได้มีคำสั่งฟ้องแล้ว และผู้ถูกกล่าวหาได้ทำเรื่องขอความเป็นธรรมไปยังอัยการสูงสุด ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณา หากพิจารณาแล้วยกคำร้องก็จะเข้าสู่กระบวนการนัดหมาย เพื่อส่งฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีกำหนดเวลา

ส่วนประเด็นที่ไม่มีการพักราชการอัยการท่านนี้ ในระหว่างการถูก ปปช. ชี้มูลความผิดนั้น เนื่องจากกฎหมายอัยการ จะต้องตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงหรือกรรมการชั้นต้น ก่อนที่จะมีการตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการสอบสวนของกรรมการชั้นต้น ซึ่งไม่มีบทบัญญัติ ให้อำนาจให้พักราชการกับผู้ถูกกล่าวหาในชั้นนี้ แต่ถ้าหากอัยการท่านดังกล่าวถูกส่งตัวฟ้องต่อศาลอาญาทุจริตฯ เมื่อไหร่ ก็จะถือว่าเข้าหลักเกณฑ์ถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงที่จะสามารถถูกสั่งพักราชการได้ทันที.

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ไทยตอนบนอากาศยังหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 12 องศา ใต้เจอฝนฟ้าคะนองบางแห่ง กทม. มีหมอกบางตอนเช้า ร้อนสุด 31 องศา
ฮีโร่โอลิมปิคเหรียญทองน้องอร “ฉายาสู้โวย” ร่วมแข่งขันกีฬาพื้นบ้าน ในงานกีฬาประจำปีอบต.ไทยสามัคคี พร้อมลงแข่งขันตีกอล์ฟบก สร้างความสนุกสนานเฮฮา
"สธ." ยันพบชาวเมียนมา ป่วยอหิวาฯ รักษาฝั่งไทย 2 ราย อาการไม่รุนแรง
สุดทน "พ่อพิการ" ร้อง "กัน จอมพลัง" หลังถูกลูกทรพี ใช้จอบจามหัว-ทำร้ายร่างกาย จนนอน รพ.นับเดือน
สลด กระบะชนจยย.พลิกคว่ำตก "ดอยโป่งแยง" เชียงใหม่ เจ็บตายรวม 13 ราย
“สมศักดิ์” ยกนวดไทยเป็นมรดกชาติ สร้างมูลค่าเศรษฐกิจสุขภาพ เล็งพาหมอนวดโกอินเตอร์ โชว์ฝีมืองาน เวิลด์เอ็กซ์โปโอซาก้า ญี่ปุ่น
ห่ามาแล้ว! “แม่สอด” พบติดเชื้ออหิวาต์ เผยญาติฝั่งพม่าซื้อข้าวมากินด้วยกัน
ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ สั่งตั้งคกก.สอบ "ตร.จราจร" รีดเงินแทนเขียนใบสั่ง
สตม. บุกทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กลางคอนโดหรูห้วยขวาง รวบ 6 คนจีน อึ้งเจอซิมการ์ด 2 แสนซิม
ครูบาอริยชาติ เชิญชวนพุทธศาสนิกชน ฉลองสมโภช 18 ปีวัดแสงแก้วโพธิญาณ และทำบุญฉลองอายุวัฒนมงคล 44 ปี

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น