จับตาภูมิใจไทย 65 สส. งดออกเสียงอุ้มสว. รื้อประชามติ 2 ชั้น แทงกั๊ก “เกมต่อรอง”

จับตาภูมิใจไทย 65 สส. งดออกเสียงอุ้มสว. รื้อประชามติ 2 ชั้น แค่แทงกั๊กเพื่อต่อรองเกมทางการเมืองหรือไม่ ตอกย้ำข่าว “เนวิน” ดอดพบ “ทักษิณ” มีดีลลับเพื่อสร้างดุลอำนาจ

จับตาภูมิใจไทย 65 สส. งดออกเสียงอุ้มสว. รื้อประชามติ 2 ชั้น แทงกั๊ก “เกมต่อรอง”

 

ภูมิใจไทย

ข่าวที่น่าสนใจ

 

ประเด็นการพิจารณา พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติยังเป็นเรื่องที่หาข้อยุติไม่ได้หลังจากก่อนหน้านี้ที่ประชุมสมาชิกวุฒิสภามีมติเสนอแก้ร่างของ สส. กำหนดว่าใช้เสียงข้างมากของผู้มีสิทธิออกเสียงในการทำประชามติให้กลับไปใช้เสียงข้างมาก 2 ชั้น โดยล่าสุดในวันที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมาที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้มีการอภิปรายในประเด็นดังกล่าวอย่างเผ็ดร้อนเพื่อลงมติว่าจะเห็นด้วยกับข้อเสนอของ สว.หรือไม่

 

ทั้งนี้การประชุมดังกล่าวพบว่า มีความคิดเห็นหลากหลาย โดยในส่วนของพรรคเพื่อไทย และพรรรคประชาชน เช่น นายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ต่างดาหน้าออกมาถล่มความเห็นของ สว.ที่ให้กลับไปใช้เสียง 2 ชั้นโดยระบุว่าเป็นการปิดประตูตอกฝาโลงแก้รัฐธรรมนูญ

 

ขณะที่ สส.พรรคภูมิใจไทย อาทิ น.ส.มัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช สส.ลพบุรี และ น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี อภิปรายเห็นต่างกับพรรคประชาชน และพรรคเพื่อไทย โดยเห็นด้วยกับที่วุฒิสภาที่ให้กลับไปใช้เกณฑ์เสียงข้างมาก 2 ชั้น เพราะการกำหนดเกณฑ์ดังกล่าวเป็นหนทางที่สง่างาม และได้ผลการทำประชามติที่มากพอ

 

สุดท้ายเมื่อมีการลงมติพบว่า ที่ประชุม สส.มีมติไม่เห็นชอบกับร่างที่วุฒิสภาแก้ไข 348 เสียง เห็นชอบ 0 เสียง งดออกเสียง 65 เสียง ไม่ลงคะแนน 1 เสียง พร้อมมีมติตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ร่วมกันเพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ จำนวน 28 คน สัดส่วนกมธ.สส. 14 คน สว. 14 คน

 

การลงมติไม่เห็นชอบกับร่างที่วุฒิสภาแก้ไขให้กลับไปใช้เกณฑ์เสียงข้างมาก 2 ชั้นจำนวน 348 เสียงของบรรดา สส.ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มของพรรคร่วมรัฐบาลและฝ่ายค้านเช่นพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาชน แต่ที่น่าสนใจคือเสียงของ สส.ที่งดออกเสียงจำนวน 65 เสียงนั้น คือ เสียงส่วนใหญ่ของพรรคภูมิใจไทย

 

อย่างไรก็ตามที่น่าสนใจยิ่งกว่า คือการเลือกใช้วิธีงดออกเสียงดังกล่าว ทำให้หลายฝ่ายตีความกันว่า ภูมิใจไทยกำลังแทงกั๊ก เพราะต้องการต่อรองอะไรหรือไม่ เนื่องจากในการอภิปรายเห็นได้ชัดว่า ท่าทีของภูมิใจไทยเห็นด้วยกับหลักการของ สว.ที่ต้องการใช้การออกเสียงประชามติ 2 ชั้น ดังนั้นแทนที่ สส.ภูมิใจไทยจะเลือกโหวตสวนมติ สส. แต่กลับเลือกใช้วีธีนุ่มนวลด้วยการงดออกเสียง จึงทำให้ให้ถูกมองว่า ภูมิใจไทยกำลังเล่นไพ่สองมือ เพื่อแบะท่าเปิดช่องในการต่อรองทางการเมืองอะไรหรือไม่

 

จากประเด็นการงดออกเสียงดังกล่าวทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า ภูมิใจไทยกำลังเล่นละครการเมือง เพื่อหลอกลวงประชาชนหรือไม่ และจากเหตุการณ์นี้ทำให้เรื่องนี้ไปสัมพันธ์กับข่าวการเข้าพบระหว่างนายเนวิน ชิดชอบ และนายทักษิณ ชินวัตร ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเป็นคนกลางเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาหรือไม่

 

ทั้งนี้จะเห็นได้ว่า ที่ผ่านมาจุดยืนของภูมิใจไทยจะสวนทางกับพรรคเพื่อไทยมาอย่างต่อนื่อง อาทิ การคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราของพรรคเพื่อไทยจนสุดท้ายต้องล่มไม่เป็นท่า รวมถึงการคัดค้านการออกกฎหมายนิรโทษกรรมโดยเฉพาะประเด็นมาตรา 112

 

เป็นที่ทราบกันดีว่า สว.ในสภาสูงส่วนใหญ่ถูกขนานนามว่าเป็น สว.สีน้ำเงิน ดังนั้นหากพรรคเพื่อไทยต้องการผ่านกฎหมายสำคัญ หรือคัดเลือกกรรมการองค์กรอิสระ รวมถึงผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญ จะต้องผ่านด่านของ สว.ไปก่อน และด้วยเหตุผลดังกล่าวใครจะกล้าปฏิเสธว่า ภูมิใจไทยคือผู้กุมอำนาจเบ็ดเสร็จในสภาสูง เพราะที่ผ่านมาพลังของ สว.สีน้ำเงินเคยแสดงให้เห็นมาแล้วจากกรณีโหวตหักรัฐบาลในการออกเสียงประชามติให้กลับไปเป็นเสียงสองชั้นมาแล้ว

 

จากกรณีดังกล่าวทำให้เกิดสัญญาณทางการเมืองว่า การที่นายเนวินไปพบนายทักษิณ เพราะกำลังต้องการต่อรองเพื่อสร้างดุลอำนาจใหม่ซึ่งกันและกัน โดยแบ่งสภากันดูแล รวมถึงต้องการเดินหน้าในผลประโยชน์เกี่ยวกับนโยบายเรือธงต่าง ๆ ที่ยังไปไม่ถึงเป้าหมายของภูมิใจไทยหรือไม่ เช่นกฎหมายกัญชง กัญชาที่ตอนนี้ยังไม่มีความคืบหน้าว่าจะออกไปในทิศทางใด และอาจรวมถึงกรณีรถไฟฟ้าสายสีส้ม

 

ดังนั้นการงดออกเสียงของ สส.ภูมิใจไทยจำนวน 65 เสียง จึงมีนัยยะสำคัญที่โยงใยไปถึงประเด็นร้ายลึกต่างๆ ทางการเมือง และด้วยเหตุนี้จึงต้องจับตาการตั้งคณะกรรมาธิการร่วมกันเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติว่า จะมีข้อสรุปออกมาอย่างไร และสุดท้ายหากยังยืนยันที่จะใช้การออกเสียงประชามติแบบเสียงข้างมากตามที่สภาผู้แทนราษฎรเสนอ แน่นอนว่า กฎหมายฉบับนี้กต้องรอไปอีก 180 วัน เพื่อยืนยันและประกาศใช้ ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ก็จะทำให้ไม่ทันกรอบเวลาทําประชามติครั้งแรกในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ปี 2568 อย่างแน่นอน

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"กิตติรัตน์" เคลื่อนไหวแล้ว โพสต์ทุกเสียงค้านคือเครื่องเตือนใจ ให้ปฏิบัติดี
“รับน้องขึ้นดอย” นศ.โชว์สปิริตฝ่า “โค้งขุนกัณฑ์” พร้อมเพรียงสุดขนลุก!
เล่นผิดคนแล้ว “กัน จอมพลัง” ดับซ่าส์ “โล้นปีนเสา” แจ้งความจับคาผ้าเหลือง
"พิชัย" นำทีมเจรจา Google ขยายลงทุน คุย Walmart เปิดโอกาสสินค้าไทยวางขายเพิ่ม
สุดห่วง "สามี" วอนช่วยตามหา "ภรรยา" หายตัวปริศนา หลังเครียดสูญเงินลงทุน “ดิไอคอน” นับแสนบาท
ผู้ต้องหา ฆ่าตัดนิ้ว แม่ยายอัยการ ยังปากแข็ง ตร.เชื่อคนร้ายมีมากกว่า 1 คน เร่งขยายผลจับกุม
‘แพนด้ายักษ์’ จีนในส่านซี โชว์สกิลวิชาตัวเบา
ซูเปอร์ไต้ฝุ่นหม่านหยี่ถล่มฟิลิปปินส์สองรอบ
เพจดังจัดหนัก “พรรคส้ม” โพสต์ข้อความทำสังคมสับสน เคลมผลงานผลักดันนโยบายแพทย์ทางไกล เจอ “แขก คำผกา” สวนสุดเจ็บ
จับ "ใบเฟิร์น" อินฟลูฯสาวเซ็กซี่ดัง ลักลอบแปะลิงก์ชวนเล่นพนันออนไลน์

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น