เปิดบทความสุดกินใจ “คิดถึงในหลวงร.9” 8 ปีผ่านไป เสียงร่ำไห้ดังทั่วแผ่นดิน
ข่าวที่น่าสนใจ
13 ตุลาคม 2567 นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชการอิสระ โพสต์ข้อความระบุว่า ใครสอนลูกสอนหลานกันยังไงก็ไม่รู้ แต่ผลพวงของการสอนสั่งลูกหลานปรากฎชัดแล้ว คนในสังคมที่แยกแยะผิดชอบชั่วดีไม่ได้ เป็นสิ่งที่ไม่ง่ายเลยที่จะแก้ไข เพราะมันต้องใช้เวลาในการบ่มเพาะ ตั้งแต่เล็กจนโต นับเวลาได้เท่ากับตลอดชีวิตของผม ผมเห็นแต่ภาพในหลวงทรงงานทุกวัน ไปทุกที่ แม้ถิ่นทุรกันดาร แต่นักการเมืองหน้าใหม่ เข้ามาเพียงไม่นาน พยายามลบภาพอันดีงาม ที่เกิดจากการทรงงานหนัก นานตลอดหลายสิบปี ออกไปจนหมดสิ้น ด้วยคำโกหก ว่าสิ่งที่พระองค์ทำเป็นเรื่องโกหก พวกเขาโดนพ่อแม่ของเขา อบรมสั่งสอนมาแบบผิดๆ และกำลังพยายามสั่งสอนลูกหลานของเรา ให้เห็นผิดเป็นชอบ ตามแบบของพวกเขา คนบางคน บางกลุ่ม กำลังสอนจรเข้ไม่ให้ว่ายน้ำ สอนนกไม่ให้บิน สอนเสือให้เชื่อง สอนหมาให้ออกล่าเหยื่อ แต่ผมยังคงเพียรพยายาม “สอนลูกให้เป็นคน” พ่อเอ็ดลูกอิง อัษฎางค์ ยมนาค ภาพถ่ายจากหลังบ้านที่ซิดนีย์ โพสต์เอาไว้หลังเหตุการณ์ 13 ตุลาคม หลังโพสต์นี้ถูกเผยแพร่ออกไป มีชาวเน็ตเข้ามากดหัวใจกันเป็นจำนวนมาก
ด้านอ.แก้วสรร อติโพธิ ออกบทความสุดกินใจเรื่อง คุณค่าในชีวิตของคนชื่อภูมิพล 13ตุลาคม 2559 ชีวิตในหลวงของเรา..ได้จากโลกนี้ไปแล้ว พวกเราคนไทยเศร้าโศกยิ่ง และแสดงความรักอาลัยออกมา มากมายหลายลักษณาการ จนมีผู้คนเป็นอันมากแปลกใจและไต่ถามขอคำตอบจากพวกเรา อย่างจริงจังว่า “คุณค่า” ในชีวิตของพระองค์ท่าน อยู่ที่ตรงไหน ต่างจากชีวิตอื่นๆ ที่จากไปในทุกๆ วันอย่างไร?
ผมเป็นชีวิตหนึ่ง ที่เกิดใต้ร่มพระบารมี มากว่า 65 ปี ใช้ชีวิตผ่านโลกความคิดมาพอควร ก็เห็นว่า น่าจะมีคำตอบให้เขาได้บ้าง ดังนี้
๑) ผมจะตอบเขาว่า เราไม่ได้รักนับถือพระองค์ท่าน เพราะฐานันดร มันช่วยไม่ได้ ที่พระองค์ทรงเกิดมาเป็นกษัตริย์ แต่เมื่อคนคนนี้ เกิดเป็นกษัตริย์แล้ว เขาเป็นกษัตริย์ที่น่านับถือหรือไม่ ถ้าท่านผู้ตั้งคำถาม ได้เกิดเป็นกษัตริย์บ้าง ท่านจะเป็นได้ดี เหมือนพ่อหลวงของเราหรือเปล่า หัวใจของคำถามคำตอบ มันน่าจะอยู่ตรงนี้ ตรงที่ว่า คนคนนี้ได้ให้อะไร สร้างอะไรไว้แก่โลกบ้าง ไม่ใช่มีฐานะมีตำแหน่งอะไร คำตอบเช่นนี้ คุณว่าถูกต้องไหม?
๒) ท่านผู้สงสัยหลายคน สรุปว่า เรานับถือในหลวง เพราะท่านเก่งอย่างนั้นอย่างนี้ ทั้งศิลปะ เรือใบ วิศวชลประทาน การเกษตร การปกครอง ฯลฯ ผมขอตอบว่าไม่จริง โลกนี้มีคนเก่งกว่าพระองค์อีกมากมายหลายด้านนัก แต่คนที่มีคาแรกเตอร์ เป็น “บารมี”ให้เคารพรักกันโดยทั่วไป ได้โดยสนิทใจนั้นยากยิ่ง จริงหรือไม่?
๓) “บารมี” คืออะไร..หลายคนถามผมว่า ในหลวงเรียนจบสูงนักหรือ? ผมว่าเราคนไทยตอบได้ง่ายมาก ว่าคุณค่าของชีวิตนั้น ไม่น่าจะวัดจากเขารู้อะไร มีจำนวนความรู้ในสมอง มากหรือไม่ แต่ต้องอยู่ที่ว่า คนผู้นั้นเขาได้สอนอะไร ออกมาจากตัวตน จากความคิดความอ่าน และการปฏิบัติจริงของตนเองบ้าง เขาได้สอนให้คนรู้จักคิดอ่านใฝ่รู้ รู้จักมานะอดทน รู้จักเมตตากรุณา รู้จักเสียสละ เพื่อโลกที่ดีกว่าหรือไม่ ตรงนี้ต่างหาก คือคุณค่าของชีวิตมนุษย์ ที่ในหลวงของเรา ท่านทรงบำเพ็ญเพียร สั่งสมไว้ สอนไว้กว่า 70 ปี จนจากและจบการสอนไป ตามวาระแห่งสังขาร ท่านผู้ถาม เห็นต่างจากผมไหม?
๔) เพื่อนต่างชาติบางคน อาจจะชี้บ่งว่า คุณค่าในชีวิตนั้น น่าจะอยู่ตรงที่มีคนรู้จัก มาร่วมงานศพครบถ้วนพร้อมหน้าเพียงใด แล้วเลยถามว่า ในงานพระบรมศพ มีใครมาร่วมบ้าง ผมก็ขอตอบว่า คุณคิดผิดโดยสิ้นเชิง ความยิ่งใหญ่ในคุณค่าของชีวิตที่จากไปนั้นไม่ได้อยู่ที่มีคนรู้จัก มาร่วมอาลัยกันพร้อมหน้าพร้อมตาหรือไม่ แต่อยู่ตรงที่ มีคนที่ไม่รู้จักมาร่วมอาลัย เพราะคุณงามความดีของท่านผู้จากไปหรือเปล่า 1 เดือนมานี้คุณเห็นอะไรบ้าง ที่พระบรมมหาราชวัง และทุ่งพระเมรุ บ้านเมืองคุณมีให้เห็นอย่างนี้บ้างไหม?
๕) ท้ายที่สุด ยังคงมีหลายท่านสรุปว่า ทางเดินในชีวิตที่มีค่า ที่ว่ากันมานี้ น่าจะเป็นเรื่องพรหมลิขิต หรือเรื่องบังเอิญก็ได้ คำตอบก็คือไม่ใช่เลย ตลอดทางเดินในชีวิตของพระองค์ท่าน คือ”การเลือก” เลือกทั้งทิศ และทาง เลือกด้วยสติปัญญา ด้วยคุณธรรม ความอดทน เช่นพระมหาชนก พระองค์ทรงเป็นเช่นนักแล่นเรือใบ รู้จักทั้งเป้าหมายที่มุ่งมั่น และทิศทางลมที่ผันผวน รู้จักทั้งกิเลสตัณหาที่รบกวน แล้วเลือกปรับใบ พาชีวิตเดินทางไปยังเป้าหมายที่ต้องการ เพื่อประโยชน์ของบ้านเมืองให้จงได้ ทั้งหมดนี้คือ “คุณธรรม” ใจคอท่านผู้ไต่ถาม จะไม่ยอมให้ใครผู้ใด มีคุณค่าด้วยตนเองบ้างเลยเชียวหรือ จะให้ดาวทุกดวงบนท้องฟ้า เป็นดาวพระเคราะห์ไปหมด ไม่มีดวงใด มีแสงในตนเองบ้างเลยหรืออย่างไร ?
พวกเรา..คนเคารพรักในหลวง..ไม่ขอกะเกณฑ์บังคับให้ท่านต้องเคารพเหมือนเรา พวกเราเพียงแต่ขอร้อง..ไม่อยากให้ท่านเห็นการกราบไหว้ หรือน้ำตาแห่งความรักอาลัยของเรานั้น ไร้สาระน่าดูถูก พวกเราขอความเป็นธรรมให้กับพระองค์ท่าน..การที่ใครได้เป็นกษัตริย์ ก็มิได้หมายความว่า ต้องเป็นคนไม่มีอะไรดี เพราะได้ดีตามชะตาฟ้าลิขิตเท่านั้นเอง พวกเราขอความคุ้มครองให้กับพระองค์ท่าน…ไม่ใช่ถือว่าทรงเป็นบุคคลสาธารณะแล้ว จะคิดจะวิจารณ์ใส่ร้ายอะไร ไปตามความรู้สึกนึกคิดของตนเอง ก็ทำได้ฟรีๆ ตามชอบ โดยอ้างหน้าด้านๆ ด้วยสีหน้าก้าวหน้าว่า เป็น “เสรีภาพทางการเมือง”
เราท่านทั้งหลาย รวมทั้งท่านผู้ถาม…ในไม่ช้า ก็ต้องจากโลกนี้ไป และจะต้องถูกถามเหมือนกันว่า ชีวิตของเรา ได้ทิ้งคุณค่าอะไรไว้บ้าง ผมคิดว่าคุณค่าในชีวิต ที่เกิดมาเป็นคน ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช ได้ทรงบำเพ็ญให้เห็นเป็นที่ประจักษ์นั้น คือตัวอย่างอันมีค่าที่ชัดเจนที่สุดแล้ว ใช่ หรือไม่ใช่?
ด้านนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “เช้านี้ ผมไปวางพวงมาลา เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต ในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่อุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ ร่วมกับคณะรัฐมนตรี
สำหรับผม ไม่ใช่เพียงการปฏิบัติหน้าที่ แต่เป็นการรำลึกถึงพระผู้มีพระคุณใหญ่หลวง กับปวงชนชาวไทยและประเทศไทย มายาวนานกว่า 70 ปี พระองค์เป็นยิ่งกว่าพระมหากษัตริย์ เป็นยิ่งกว่าพ่อของแผ่นดิน
สำหรับผม พระองค์เป็นเทพที่จุติมา เพื่อชาวไทย และประเทศไทยโดยแท้ ผมเห็นการปฏิบัติพระราชกรณียกิจของพระองค์ มาตั้งแต่จำความได้ จนเติบใหญ่ ไม่เคยเห็นพระองค์หยุดคิดถึงประชาชน แม้ในยามประชวร พระองค์ไม่เคยหยุดปฏิบัติพระราชกรณียกิจ เพื่อประชาชนของพระองค์เลย
ผมยังจำเหตุการณ์เมื่อ 8 ปีที่แล้วได้ ในวันที่พระองค์จากพวกเราไป เหมือนโลกหยุดหมุน เสียงร่ำไห้ดังทั่วแผ่นดิน น้ำตาผมไหลออกมาเองแบบหยุดไม่ได้ ผมพยายามไปให้ถึงโรงพยาบาลศิริราช วันนั้นรถติดแน่นขนัด สุดท้ายผมต้องลงเดิน สลับกับซ้อนมอเตอร์ไซค์ ไปโรงพยาบาลศิริราช เพราะต้องการอยู่ใกล้พระองค์ให้มากที่สุด และนานที่สุด แม้จะผ่านไปแล้วถึง 8 ปี แต่เหตุการณ์วันนั้น และความรู้สึกสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต ยังฝังลึกในความทรงจำอย่างไม่รู้ตัว แค่นึกถึงก็น้ำตาไหลอีกแล้ว ผมรักและเทิดทูนพระองค์มากจริงๆ มากที่สุดในชีวิต ด้วยเกล้า ด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวล่าสุด
เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น