Top news รายงาน วันนี้ (15 ต.ค.67) ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กลุ่มทนายความดรีมทีม พาผู้เสียหายบุกแจ้งความกรณีดิไอคอน โดยมี ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายแก้ว มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ มูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ทนายรัชพล ศิริสาคร ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายพัฒน์ ทนายเมียหลวง ทนายเจมส์ นิติธร แก้วโต สายไหมต้องรอด
ทนายตั้ม เปิดเผยว่า ในวันนี้ทีมทนาย รวมถึงสายไหมต้องรอดอาสามาช่วยเหลือประชาชน มีกลุ่มผู้เสียหายมาร้องกับทีมทนาย และสายไหมต้องรอด นับ 100 คน ในวันนี้แบ่งหน้าที่กันทำโดยให้ทนายแต่ละคนดูแลผู้เสียหายเฉลี่ยแล้วประมาณ 10 คน โดยดูแลตั้งแต่วันแจ้งความในวันนี้ ไปจนถึงชั้นศาล หรือจนกว่าผู้เสียหายจะได้รับการเยียวยา ตนเองมีการปรึกษากับทนายในกลุ่ม ซึ่งทุกคนยินดีที่จะเข้ามาช่วยกัน
วันนี้ต้องร่วมมือช่วยกันเพราะเกรงว่าทางบริษัทจะมีการยักยอกถ่ายเททรัพย์สิน แล้วเดี๋ยวผู้เสียหายจะไม่ได้รับการเยียวยา ตนเองได้ดูในรายการโหนกระแสเห็นบอสพอลร้องไห้ เข้าใจว่าเรียกดราม่าได้ไปส่วนหนึ่ง แต่เมื่อไปดูอีกในรายการ กลายเป็นเหมือนว่าไม่ยอมรับความผิด /ลักษณะการต่อสู้เหมือนว่าจะโยนไปที่แม่ข่าย ทำเหมือนว่าตนเองไม่รู้เรื่องเลย ซึ่งการประกอบธุรกิจจะบอกว่าไม่รู้เรื่องเป็นไปไม่ได้ เชื่อว่าเป็นวิธีการต่อสู้ของบอสพอล
ทั้งนี้ ตนเองอยากฝากถึงแม่ข่ายให้ออกมาให้ข้อมูลเพราะเมื่องั้นก็จะกลายเป็นแพะ เพราะเมื่อวานเห็นทางบอสพอล มีการทิ้งบอมบ์เอาไว้ว่า มีนักการเมือง ทนายความ นักร้องเรียน รับเงินจากตัวบอสพอลรายเดือน ซึ่งตนเองได้คุยกับทีมทนายทั้งหมดที่อยู่ตรงนี้ ยืนยันว่าไม่มีใครรับเงิน ยืนยัน ไม่รับเคลียร์ทุกกรณี
อีกหนึ่งเรื่องที่ตนเองอยากฝากเอาไว้คือ หากผู้เสียหายต้องการร้องเรียนเพิ่มเติม หรือหากอยู่ต่างจังหวัด ก็สามารถแจ้งความไว้ที่โรงพักใกล้บ้านได้ ส่วนใครที่อยู่ในกรุงเทพ หากสะดวกก็เดินทางมาที่สอบสวนกลางได้เลย ทั้งนี้ ฝากถึงภาครัฐฯ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ระดับประเทศ ควรจะตั้งหน่วยงานหลายหน่วยงานบูรณาการร่วมกัน และขณะนี้ ปปง.ณยังไม่มีการทำอะไรกับทรัพย์สินเลย เชื่อว่าอาจจะมีการยักยอก ถ่ายเททรัพย์สินไปหมดแล้ว วอนถึงนายกรัฐมนตรีสั่งการให้หน่วยงานบูรณาการร่วมกัน เพราะพฤติกรรมของกลุ่มคนพวกนี้ หลอกเอาเงินประชาชน แล้วไปซื้อนาฬิกาหรู ซื้อรถสปอร์ต และไปโชว์คนจนอีก ซึ่งตนเองรับไม่ได้
ด้าน ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ เปิดเผยว่า ขณะนี้แม่ขายต่างๆได้เริ่มอัดคลิปข่มขู่พยาน โดยข่มขู่ว่าใครมาแจ้งความดำเนินคดี ก็จะเข้าข่ายแจ้งความเท็จ และโยนความผิดมาให้กับตนเองว่าเสี้ยมสอน ปรักปรำว่าเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ วันนี้ตนเองได้นำคลิปหลักฐานที่ทางแม่ข่ายข่มขู่ พร้อมเอกสารคำร้องทุกข์ที่ตนเองได้ร่างให้กับผู้เสียหายไปหลอกลวงข่มขู่ว่าหากใครแจ้งความดำเนินคดีก็จะถูกดำเนินคดี ตนเองอยากจะบอกว่า ก่อนที่เขาจะเอาใครเข้าคุก ตนเองจะเอาเขาเข้าคุกก่อนในฐานะยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ซึ่งตนเองจะรวบรวมพยานหลักฐานมาแจ้งความเอาผิดกับแม่ข่ายกลุ่มเหล่านี้ ดังนั้นขอให้ผู้เสียหายทุกคน มั่นใจว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นกลาง เคียงข้างประชาชนไม่มีมวยล้มต้มคนดูอย่างแน่นอน
ด้าน ทนายแก้ว มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล เผยว่า ตนเองอยากให้ประชาชนมั่นใจว่าทีมทนายพร้อมช่วยเหลือ และเคียงข้างประชาชน และอยากฝากถึงแม่ข่ายให้ออกมาเป็นพยาน เพราะการกระทำที่บอสพอลอ้างว่าโยนความผิดมาให้แม่ข่าย แม่ข่ายกำลังตกเป็นแพะ แม่ข่ายเองก็ควรจะออกมาให้ข้อมูลให้เป็นประโยชน์ ตอนนี้ประชาชนเดือดร้อน บอสพอลจะอ้างว่าตัวเองไม่รู้เรื่องงบการเงิน หรือแผนการตลาด ส่วนตัวเชื่อว่าฟังไม่ขึ้น เชื่อว่าแผนการตลาดจะออกมาโดยที่บอสไม่รู้เป็นไปไม่ได้
พร้อมย้ำ ฝากแม่ข่าย รวมถึงผู้ประกอบการที่เป็นโรงงานผลิตสินค้าต่างๆ หรือพนักงานที่มีส่วนในการจัดสต๊อกว่ามีจริงหรือไม่ ให้ออกมาให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เพราะหากไม่ออกมาก็จะตกเป็นผู้ต้องหาไปด้วย
ขณะที่ ทนายรัชพล ศิริสาคร เผยต่อว่า ตอนนี้พยานหลักฐานค่อนที่จะชัดเจนแล้วว่าการชักชวนเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ เพราะหากเป็นในส่วนของบริษัทก็จะต้องมีพนักงาน มีการจ่ายประกันสังคมเป็นรูปแบบบริษัท แต่เท่าที่ดู ยังไม่มีการชี้แจงในประเด็นนี้ และในตอนนี้ที่หลายๆคนออกมาให้สัมภาษณ์อย่างไม่ยอมรับ ในการรับเงิน หรือค่าจ้างใดๆ แต่เมื่อวานนี้บอสพอลออกมายอมรับเองว่า หลายๆคนรับค่าจ้างจากการขายสินค้า ซึ่งตนเองอยากเห็นในเรื่องของการบรรเทาทุกข์ การเยียวยาค่าเสียหาย ซึ่งยังไม่เห็นคำชี้แจงจากทางบริษัท
ส่วนคนที่จะออกมาแจ้งความนั้น ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกข้อกล่าวหา ข่มขู่หรือหมิ่นประมาท โดยทางมูลนิธิฯ ของตนเอง และทีมทนาย พร้อมยินดีให้ความช่วยเหลือ สามารถติดต่อ หรือแจ้งเข้ามาได