ลูกสะใภ้ สุดช้ำ ร้องแม่ผัวให้ออกมาพูดความจริง หลังลูกสาว 1 ขวบ ดับปริศนา อ้างสำลักนม แต่เลือดออกจมูก แพทย์ระบุ สมองได้รับบาดเจ็บ

เมื่อเวลา 14.00 น. ( 16 ต.ค.67 ) นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พร้อมด้วย นางนัทธมน กิจดำรงกุล หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดชลบุรี ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ทวี กุดแถลง ผกก.สภ.หนองปรือ เพื่อติดตามความคืบคดี หลัง นายพล นามสมมุติ อายุ 27 ปี และ นางสาวรัตน์ นามสมสมมุติ อายุ 28 ปี เข้าร้องเรียนกับทางมูลนิธิฯ ว่า “น้องแป้ง” ลูกสาววัย 1 เดือน 25 วัน เสียชีวิตอย่างปริศนา หลังนำไปฝากให้ย่าแท้ๆ กับปู่เลี้ยง ช่วยเลี้ยงดูแค่ 5 วัน จู่ๆ เสียชีวิตมีเลือดออกทางจมูก แพทย์ชันสูตรสาเหตุการตาย “สันนิษฐานสมองได้รับบาดเจ็บ” หลังเกิดเหตุวันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมา ย่าหลบหนีหายตัวไปติดต่อไม่ได้ ขอเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามตัวมาสอบปากคำหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงของลูกสาว

น.ส.รัตน์ เล่าทั้งน้ำตาว่า ตนกับสามีเพิ่งจะมี “น้องแป้ง” เป็นลูกสาวคนแรกก็รักลูกสุดหัวใจ แต่ด้วยความจำเป็นที่ต้องทำงานกันทั้ง 2 คนเพื่อหาเงินมาเลี้ยงลูกจึงได้นำน้องแป้งไปฝากให้ นางเอ (นามสมมุติ) อายุ 55 ปี แม่ของสามี ซึ่งมีศักดิ์เป็นย่าแท้ๆ กับสามีใหม่ของย่า ช่วยเลี้ยงดูที่บ้านย่าซึ่งอยู่ไม่ไกลกันมากนัก ในพื้นที่ หมู่ 2 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย.67 โดยที่บ้านย่าจะมีสามีใหม่ของย่า และน้องสาวพ่อ อาศัยอยู่ด้วย หลังฝากเลี้ยงแบบกินนอนได้ 5 วัน กระทั่งเช้ามืดตี 5 ของวันที่ 5 ต.ค. ย่าได้โทรมาบอกให้พ่อแม่รีบไปดูลูกเพื่อพาไปหาหมอ เพราะลูกสาวเกิดอาการสำลักนมอย่างรุนแรง พ่อแม่ใช้เวลาเดินทาง 10 นาทีก็ไปถึงพบสภาพลูกน้อยตัวเขียว ไม่หายใจ จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลบางละมุง หมอได้ปั๊มหัวใจแต่ไม่สามารถช่วยเหลือได้

 

 

น.ส.รัตน์ ยังเล่าต่ออีกว่า หมอระบุว่า เด็กขาดอากาศหายใจก่อนส่งโรงพยาบาลไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมง และพบว่ามีเลือดออกทางจมูกด้วย หมอจึงได้เรียกย่าเข้าไปสอบถาม ย่าให้ข้อมูลกับโรงพยาบาลว่า ลูกสาวตื่นมาร้องตอนประมาณตี 1 จึงได้ชงนมให้กินและหลานได้หลับไป กระทั่งตี 5 ตื่นมาเห็นว่า หลานมีอาการชักเกร็งจึงรีบโทรศัพท์มาบอกพ่อแม่ให้ไปดูลูก และโรงพยาบาลยังให้แม่ไปแจ้งความ เพราะหมอสงสัยอาการของลูกที่มีเลือดออกทางจมูก จากนั้นย่าก็อ้างอีกว่า ช่วงเย็นของวันที่ 4 ต.ค. ได้อาบน้ำให้หลานแล้วขาของหลานไปโดนขอบอ่าง ซึ่งแม่คิดว่าถ้าแค่นั้นก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ และจู่ๆ ย่าก็ได้ขี่รถจักรยานยนต์หายออกจากบ้านจนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่กลับมาและติดต่อไม่ได้เลย

ต่อมาทางโรงพยาบาลบางละมุงได้ส่งศพลูกสาวไปชันสูตรที่นิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ เมื่อวันที่ 8 ต.ค.67 แพทย์ระบุสาเหตุการตาย สันนิษฐานสมองได้รับบาดเจ็บ และแม่ได้รับศพลูกสาวมาทำพิธีทางศาสนาและฝังไว้ที่วัดสโน จ.ลพบุรี ส่วนผลชันสูตรอย่างละเอียดจะต้องรอประมาณ 45 วัน จากนั้น แม่ได้เข้าแจ้งความไว้ที่สภ.หนองปรือ วันที่ 11 ต.ค. ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายเรียกให้ย่ามาพบ แต่จนถึงทุกวันนี้ยังไม่มีวี่แววจะเจอตัวย่าเลย แม่ไม่เชื่อว่า หากเพียงแค่ย่าให้เด็กกินนมจะทำให้ถึงกับเสียชีวิต และมีเลือดออกที่จมูกเลยหรือ จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยติดตามตัวย่ามาไขปริศนาการตายของน้องแป้งด้วย

 

ข่าวที่น่าสนใจ

นางปวีณา กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจกับพ่อแม่น้องแป้งที่ต้องมาสูญเสียลูกสาวที่รักไปด้วยวัยเพียง 1 เดือน 25 วัน พ่อแม่น้องแป้งได้ร้องทุกข์ไปที่มูลนิธิปวีณาฯ ขอให้ช่วยติดตามคดี หลังรับเรื่องนางปวีณาได้ประสาน พ.ต.อ.ทวี กุดแถลง ผกก.สภ.หนองปรือ และนัดหมายเพื่อจะเดินทางพาพ่อแม่ไปพบ ผกก.ในวันนี้ น้องแป้งยังเล็กมากผู้ที่ดูแลจะต้องรักเอาใจใส่และต้องระมัดระวังอย่างมากที่สุด การเสียชีวิตของน้องแป้งทำให้พ่อแม่คาใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูก โดยแม่ไม่เชื่อว่าหากเพียงแค่ย่าให้เด็กกินนมจะทำให้ถึงกับเสียชีวิตและมีเลือดออกที่จมูกเลยหรือ และทำไมย่าถึงต้องหลบหนีไป จึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามผลการชันสูตรศพอย่างละเอียดเพื่อให้ความเป็นธรรมกับเด็ก ทำให้ความจริงกระจ่าง หากมีผู้กระทำผิดก็ต้องถูกดำเนินคดี โดยมูลนิธิปวีณาฯ จะติดตามความคืบหน้าคดีนี้กับ พ.ต.อ.ทวี กุดแถลง ผกก.สภ.หนองปรือ ต่อไป

พ.ต.อ.ทวี กุดแถลง ผกก.สภ.หนองปรือ กล่าวว่า ในเบื้องต้น พนักงานสอบสวน มีการสอบปากคำไปแล้ว 3 ปาก คือ พ่อแม่ ของน้องที่เสียชีวิต และ สอบปากคำ นายนนท์ อายุ 59 ปี ปู่เลี้ยง ( สามีคนปัจจุบันของนางสาวเอ ผู้เป็นย่า ) ส่วนสาเหตุการตายของน้อง ยังไม่สามารถสรุปได้ว่า น้องเสียชีวิตจากการถูกทำร้าย หรือเป็นเพราะอุบัติเหตุ แต่อย่างไรก็ตามตำรวจให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย พร้อมทั้งจะติดตามเชิญตัวผู้เป็นย่า ซึ่งปัจจุบันยังไม่สามารถติดต่อได้ เข้าให้การกับตำรวจ เพื่อสรุปสาเหตุที่แท้จริง

นายพล นามสมมุติ ผู้เป็นพ่อ และเป็นลูกชายแท้ๆ ของนางสาวเอ เปิดใจว่า ในคดีนี้ยอมรับว่าหนักใจ อีกฝ่ายก็เป็นแม่แท้ๆ อีกฝ่ายก็เป็นเมียและลูก แต่ ณ.ตอนนี้ ตนเองอยากให้แม่ออกมาอธิบาย และพูดความจริงถึงสาเหตุการตายของน้อง ที่ผ่านมายอมรับว่าตนไม่ค่อยได้คุยกับที่บ้าน เพราะมัวแต่ทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัว จนกระทั่งมาเกิดเหตุสลดดังกล่าว ส่วนสาเหตุที่ออกมาพูดวันนี้ เพียงต้องการให้แม่ออกมาพูดความจริง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ปลาหมอคางดำ" แก้เป็นระบบเดินหน้าครบ 5 มาตรการ จบปัญหา หนุนคืนความสมดุลสู่ระบบนิเวศ 
ผลงานชิ้นโบว์แดง "หิมาลัย" เผย "พีระพันธุ์-เอกนัฏ" ผสานกำลังปลดล็อก "โซลาร์รูฟท็อป" ได้สำเร็จ
“อรรถวิชช์-พงศ์พล-ฐิติภัสร์” พร้อมใจโพสต์ปกป้อง “พีระพันธุ์-เอกนัฏ” หลังสื่อทำเนียบตั้งฉายา “พีระพัง” ลั่นพร้อมพังทุกรูปแบบการโกงกิน
"การรถไฟฯ" ออกแถลงการณ์ ยันเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ "ที่ดินเขากระโดง" เดินหน้าทวงคืนตามกม. ไม่ใช่ละเมิดสิทธิปชช.
‘อี้ แทนคุณ’ พาเหยื่อร้องปคม. ถูกหลอกข้ามแดนลวงเปิดบัญชีม้า หลังพบมีหมาย 450 คดี
คืนส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2568 รถไฟฟ้าบีทีเอส - สายสีทอง ขยายเวลาให้บริการถึงตี 2
“เพื่อไทย” จัดเต็ม ชาวเชียงใหม่เรือนหมื่นแห่ฟัง “ทักษิณ” สว.ก๊องมั่นใจ พ่อใหญ่แม้วช่วยหาเสียงชนะแน่
ชาวบ้านทรุดก้มกราบ “ทักษิณ” ขอปรึกษาปัญหาชีวิต การ์ดรีบยกตัวออก
เกมแล้ว! หนุ่มแต่งรถประดับไฟสี ธีมคริสต์มาส ขับเฉิดฉายทั่วถนน ปรับฉ่ำๆ 2 ข้อหา
แจ้ง 4 ข้อหาหนัก 'อส.เมากร่าง' ยิงสนั่นกลางร้านข้าวต้ม ดับ 2 ศพ เปิดวงจรปิดอีกมุม เห็นวินาทีก่อเหตุชัด

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น