“มทภ.4” แฉ “โจรใต้” ลอบสุมไฟกว่า 20 ปี วอนชาวบ้าน-ผู้นำท้องถิ่นช่วยดูแลพื้นที่ ไม่ตกเป็นเหยื่อผูู้ไม่หวังดี
ข่าวที่น่าสนใจ
21 ต.ค.67 มีรายงานว่า พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 พร้อม พล.ต.เฉลิมชัย สิทธินวล ผู้อำนวยการศูนย์สันติวิธี และคณะ ได้พบปะพูดคุยกับกำนันและผู้ใหญ่บ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ 13 อำเภอของ จ.นราธิวาส ตามโครงการสร้างความเข้าใจ แก้ปัญหาและนำพาสู่สันติสุข ที่อาคารห้องประชุมวิทยาลัยชุมชน จ.นราธิวาส อ.เมืองนราธิวาส จ.นราธิวาส โดยมีนายอำเภอ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรทั้ง 13 อำเภอ รวมถึงหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาความมั่นคง เข้าร่วมประชุมและร่วมพบปะในครั้งนี้ด้วย
พล.ท.ไพศาล แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า เหตุการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถือเป็นปัญหาที่หมักหมมมานาน และส่วนใหญ่จะถูกนำมาเป็นประเด็นบิดเบือนเพื่อให้ชาวบ้านเข้าใจรัฐบาลแบบผิดๆ โดยที่รัฐบาลไม่สามารถอธิบายข้อเท็จจริงให้เข้าใจกันอย่างทั่วถึง แถมปัจจุบันโลกโซเซียลยังถูกใช้เป็นเครื่องมือสร้างข่าวเท็จจนภาครัฐ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารและฝ่ายปกครองได้รับความเสียหาย ซึ่งถือเป็นอยุติธรรม 2 มาตรฐาน วันนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีผู้เข้าร่วมประชุมมีทั้งกำนันและผู้ใหญ่บ้าน จะได้รู้เท็จจริงที่เกิดขึ้น และขอให้นำไปขยายผล จะได้รู้ว่าในช่วงกว่า 20 ปี ข้อเท็จจริงเรื่องความปั่นป่วนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เกิดจากอะไร เป็นฝีมือใคร และหวังผลอะไร ที่สำคัญคือเจ้าหน้าที่และชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ต้องตกเป็นเหยื่อ
โดยเมื่อปี 2554 นายฮาซัน ตอยิบ ซึ่งเป็นระดับแกนนำของขบวนการกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ได้พูดผ่านสื่อว่าการจุดไฟปฏิวัติให้ลุกโชนของขบวนการทำสำเร็จแล้ว ที่เหลือเป็นหน้าที่ของประชาชนในการนำเข้าสู่เอกราช ที่ นายฮาซัน กล้าพูดแบบนั้นหมายความว่า ต้องการสร้างสถานการณ์ให้เกิดความรุนแรงมากยิ่งขึ้น และอยากคนเข้าร่วมขบวนการเพื่อสร้างบาดแผลให้กับพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ จนนำไปสู่การเคลื่อนไหวเรียกร้องความยุติธรรมในเหตุการณ์ตากใบ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 ต.ค.2547
พล.ท.ไพศาล กล่าวอีกว่า ช่วงนี้ต้องยกระดับการควบคุมพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้ไม่หวังดีลอบก่อเหตุความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นในพื้นที่ พร้อมขอให้ประชาชน และผู้นำท้องถิ่น ช่วยดูแลพื้นที่ของตัวเองอย่างเข้มข้น โดยอย่าตกเป็นเหยื่อของผู้ไม่หวังดีซึ่งอาจโน้มน้าวให้ไปร่วมสร้างสถานการณ์ หรือปกปิดข้อมูลให้กับหลุ้มผู้ไม่หวังดี เพราะประเทศบอบช้ำมามากแล้ว อยากให้มองไปข้างหน้าโดยให้อดีตเป็นบทเรียน ส่วนคดีความที่เกิดขึ้นขอให้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกระบวนการยุติธรรม ซึ่งจะดำเนินการลงโทษกลุ่มผู้ไม่หวังดีที่ลอบก่อเหตุความรุนแรงต่อไปในอนาคต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวล่าสุด
เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น