จากกรณี น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือ อ้อย นักธุรกิจสาวซึ่งทำธุรกิจในต่างประเทศ และในประเทศไทย มอบอำนาจให้ทนายความ เข้าแจ้งความที่ สภ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ในข้อหาฉ้อโกงเงินจำนวน 2 ล้านยูโร หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 71 ล้านบาท หลัง น.ส.จตุพร อ้างว่าถูกหลอกลวงให้ลงทุนซื้อแพลตฟอร์มจำหน่ายหวยออนไลน์
ข่าวที่น่าสนใจ
ล่าสุด (25 ต.ค.67) มีรายงานว่า นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋น ทนายความกลุ่มคนรุ่นใหม่ประชาธิปไตยบริสุทธิ์ ได้เดินทางไปที่ สภ.ปากช่อง เพื่อยื่นหนังสือขอให้ พ.ต.อ.วีระพล ระเบียบโพธิ์ ผู้กำกับการ สภ.ปากช่อง โอนคดี ทนายตั้ม ไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง ดำเนินการสอบสวนต่อ เพราะเป็นคดีใหญ่ โดย พ.ต.อ.วีระพล ผู้กำกับการ สภ.ปากช่อง กล่าวว่า ก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำพยานไปแล้ว 3 ปาก ก่อนสรุปสำนวนว่ามีการกระทำความผิดหรือไม่ โดยหากพบว่ามีการกระทำผิดก็จะเรียก นายษทรา มาสอบปากคำก่อนแจ้งข้อกล่าวหา อย่างไรก็ตามวันนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งให้โอนคดีของ ทนายตั้ม ไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง ดำเนินการสอบสวนต่อแล้ว
“ตร.ได้มีคำสั่งให้โอนคดีแล้ว ซึ่งผมก็ได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวน นำสำนวนไปส่งมอบให้สอบสวนกลางดำเนินการต่อแล้ว”
ด้าน นายภัทรพงศ์ หรือ ทนายอั๋น กล่าวว่า สาเหตุที่อยากให้โอนคดีของทนายตั้มไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลางทำคดี เพราะตำรวจสอบสวนกลางมีบุคลากรจำนวนมาก มีเครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัย ซึ่งสามารถตรวจสอบเส้นทางการเงินได้ ที่สำคัญ คือ คดีดังกล่าวเป็นการโอนเงินข้ามชาติ แต่ปรากฏว่ายังไม่มีการเสียภาษี เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลางจึงอาจขยายผลไปถึงเรื่องการฟอกเงินได้
” เอาที่แน่ๆ ที่เห็นกัน มีการโอนเงินกันมาจริงในบัญชีของทนายตั้ม แล้วก็ไม่นำส่งการเสียภาษี มีการหลบหลีกซ่อนเร้น หรือมีวัตถุประสงค์อย่างไร ถ้าเข้าข้อกฎหมายว่าผิดผมไปตามต่อเป็นสเต็ปอย่างนั้นดีกว่า ผมก็ต้องเรียนอย่างนี้ว่า ทนายตั้ม ที่เคยบอกมา พูดมาตลอดว่า ถ้าผมสีเทา ถ้าผมไม่สุจริตจริง ดีเอสไอดำเนินการกับผมแล้ว เหมือนพูดให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจอาจจะได้ แต่ว่าในฐานะนักกฎหมายด้วยกัน การที่ดีเอสไอ จะหยิบมาทำมาเล่นจะต้องมีความผิดมูลฐาน เมื่อทนายตั้ม ไม่มีความผิดมูลฐาน ดีเอสไอก็ไปต่อไม่ได้ แต่วันนี้ทนายตั้ม เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว ก็นำไปสู่ที่ผมจะไปทวงที่ดีเอสไอ ก็ดี หรือจะไปต่อ ป.ป.ง.ทำได้เลย”
นายภัทรพงศ์ กล่าวอีกว่า ปีที่แล้วดีเอสไอ แจ้งให้สรรพากร ตรวจสอบทรัพย์สินของทนายตั้ม แล้วให้แจ้งตอบกลับมาที่ดีเอสไอ แต่เวลาล่วงเลยผ่านไปปีกว่าๆ สรรพากร ไม่เคยตอบกลับดีเอสไอ ดังนั้นอาทิตย์หน้าตนจะเดินทางไปที่สรรพากร เพื่อทวงถามคำตอบ ว่าเพราะเหตุใดจึงไม่แจ้งผลตรวจสอบทรัพย์สินของทนายตั้ม ไปให้ดีเอสไอ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
