ข่าวที่น่าสนใจ
ล่าสุด ผู้หญิงชื่อหนิง ซึ่งอ้างว่าเป็นผู้เสียหายในเรื่องนี้ ออกมาเปิดใจในรายการโหนกระแส เผยว่า คบหากันมากับสามีได้ 3 ปีแล้ว จดทะเบียนสมรสกัน และมีกำหนดแต่งงานในวันที่ 8 ก.พ.68 ที่ผ่านมา ผู้หญิงคนนี้ชอบนัดให้สามีไปเจอ อ้างว่ามีปัญหาปรึกษาสารพัด ทั้งแชท ทั้งโทรไลน์ เกินความเป็นเพื่อน ตนเอะใจ จึงติดกล้องวงจรปิดไว้ที่บ้าน กระทั่งต้องเห็นภาพปวดใจ ทั้งคู่มีสัมพันธ์กันภายในบ้านย่านคลอง 7 ทำให้ตนกับสามีทะเลาะกันอย่างรุนแรง สามีขอโทษ แต่หลังจากนั้นผู้หญิงคนดังกล่าว ก็ยังพยายามติดต่อมาอีก และยังมีการขอนำของมาฝากไว้ที่คอนโด เป็นถุงกระสอบสีรุ้งตามที่ปรากฎในข่าว
หนิงบอกว่า ทอง 120 บาท และเงินอีก 6 แสน ตนและสามีเก็บไว้ที่คอนโดย่านสุขุมวิท เพื่อเก็บไว้ใช้ในงานแต่ง ในปีหน้า โดยเก็บทองอยู่ในห้องนอน ในลิ้นชักตู้เสื้อผ้า แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับขโมยคีย์การ์ด แอบขึ้นไปที่คอนโด พร้อมกับขโมยทรัพย์สินของตนกับสามีไป แต่ในวันที่เกิดเหตุไม่มีภาพหลักฐาน หนิง อ้างว่ามันเป็นวันที่คอนโดรีเซ็ตภาพกล้องวงจรปิดพอดี
ซึ่งพอมาถึงจังหวะนี้ ทาง หนุ่ม กรรชัย ได้ตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมผู้หญิงคนนั้นต้องขโมยคีย์การ์ดคอนโดด้วย ในเมื่อขอคีย์การ์ดจากสามีหนิงก็ได้ เพราะก่อนหน้านี้ผู้หญิงคนนั้นได้ขอนำของมาฝากไว้ที่คอนโดนี้อยู่แล้ว ขณะที่ทนายแก้วก็ตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมต้องเก็บเงินกับทองจำนวนมากไว้ที่คอนโดด้วย ไม่กลัวหายหรือ หนิงชี้แจงว่า ที่คอนโดนั้นปลอดภัยที่สุด ตนไม่มีตู้เซฟ และไม่ได้คิดนำไปฝากธนาคาร แถทวันที่เกิดเหตุ คอนโดรีเซ็ทกล้องวงจรปิด จึงไม่มีภาพผู้หญิงคนนั้นวันที่ขโมยของไป โดย หนุ่ม กรรชัย ถึงกับพูดว่า ทำไมทุกอย่างมันบังเอิญขนาดนี้ มันแปลกๆ
ต่อมา ทางรายการได้ให้หนิง ต่อสายหาสามีที่เป็นตำรวจ โดยทางสามี เล่าว่า ผู้หญิงคนที่มีข่าว เค้าก็รู้ว่านิสัยผมเก็บเงินเก็บทองยังไง ผมเริ่มสะสมทองมาตั้งแต่ปี 47 ส่วนวิธีการเก็บจะไม่เหมือนคนอื่น คือเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้า เก็บรักษามาแบบนี้ตลอด หลังเงินและทองหายไป เคยติดต่อทางไลน์ไปหาผู้หญิงคนนั้นแล้ว เพื่อขอของคืน แต่เค้าไม่ตอบ โทรไปก็ไม่รับ และโดยปกติ ผมจะไม่ใช่คนที่โทรหาก่อน ที่ผ่านมาเวลาเค้าเดือดร้อน เค้าจะโทรมา
หนุ่ม กรรชัย ถามว่า หลังจากที่หนิงจับได้ว่านอกใจ หนิงให้อภัยแล้ว ยังติดต่อกับผู้หญิงคนนั้นอีกหรือไม่ นายตำรวจยอมรับว่า ยังติดต่ออยู่ แต่จะบอกภรรยาทุกครั้ง ผมเคยอยู่กับผู้หญิงคนนี้มานานเกือบ 10 ปี โดยช่วงที่มีนายตำรวจใหญ่เข้ามา ก็เกิดทะเลาะกันหลายรอบ ผมก็ถามเค้าว่าจะเอายังไง สุดท้ายไม่ไหวแล้ว เลยให้ผู้หญิงเลือก เค้าก็เลือกทางนั้น จากนั้นก็จบกันไป หายกันไปสักพัก แล้วก็กลับมาเป็นเพื่อนกัน จนกระทั่งผมมาเจอหนิง รู้สึกว่าเป็นผู้หญิงที่จริงใจ จนตัดสินใจจดทะเบียนสมรสกัน
หนุ่ม กรรชัย ถามตรงๆ ว่า ทำไมยังไปมีสัมพันธ์กับผู้หญิงคนนั้น ทั้งที่บอกว่ารักหนิงมาก สามีหนิงบอกว่า วันที่มีสัมพันธ์กันที่บ้านคลอง 7 ผมพูดได้แค่ว่า ผมไม่ได้เริ่มก่อนแล้วกัน หลังจากนั้นก็ไม่ได้มีสัมพันธ์กันอีก มีวันหนึ่งผู้หญิงคนนั้นบอกว่า มีของด่วนที่จะมาเอา ผมก็นัดกันกับผู้หญิงคนนั้น แต่บังเอิญหนิงมีงานด่วนต้องไปชลบุรี หนิงบอกว่าจะขับรถไปเอง แต่ผมเป็นห่วง เลยจะไปกับหนิง
ถามว่ารู้สึกอะไรมั้ยที่ไปยุ่งกับเมียนาย จริงๆ ไม่ได้อยากจะแตะต้องเลย ถามว่าสงสารมั้ย ผมก็สงสารเค้า ขอพูดแค่นี้แล้วกัน
ผมต้องขอโทษภรรยาของผมด้วย จริงๆ เรื่องนี้ตอนแรกผมบอกให้ภรรยาปิดไปก่อน แต่พอมาคิดดูสังคมสมัยนี้ ถ้ามัวแต่นิ่งไปก็เท่านั้น เลยคิดว่าใส่กันไปเลยดีกว่า เรื่องใบเสร็จการซื้อทอง อาจจะเก็บบ้าง ไม่เก็บบ้าง
พร้อมย้ำว่า ผู้หญิงคนนั้นรู้ดี โดยเฉพาะนิสัยการเก็บทรัพย์สิน และที่สำคัญ ผมยังเคยให้ทอง 5 บาท กับพ่อของผู้หญิงคนนั้นด้วย เพราะตอนอยู่ใต้ บางทีต้องอาศัยอยู่กับเค้า เลยให้ทองตอบแทนบุญคุณเค้าไป นับถือท่านมาก ถึงท่านจะเสียไปแล้ว
ส่วนเงิน 6 แสนบาท มันมีบางส่วน ได้มาจากเงินที่หนิงทำร้านโดนัท บวกกับเงินของผม จากการปล่อยทองบ้าง อะไรบ้าง ก็ตกลงกันว่า จะยังไม่ใช้เงินก้อนนี้ ให้เราแต่งงานให้เรียบร้อยก่อน เสร็จแล้วถ้ามีหนี้อะไร จะจัดการหมด ไม่ใช่ปัญหา เรื่องหนี้สินไม่ว่ากับใครก็แล้วแต่ ไม่ใช่ปัญหา แต่พอเงินกับทองหายไปตอนนี้ ก็ลำบากเลย อย่างไรก็ตาม ในส่วนของทางคดี ผมก็เป็นผู้กล่าวหาร่วมกับหนิงอยู่แล้ว เพราะทรัพย์สินที่หายไป เป็นของผมร่วมกับหนิง ส่วนรายละเอียดอื่นๆ คงพูดได้เท่านี้ เนื่องจากเกรงว่าอาจจะกระทบกับรูปคดี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
