“ดีเอสไอ” มีมติเอกฉันท์ รับ “ดิไอคอน” เป็นคดีพิเศษแล้ว ชี้ฉ้อโกงปชช. ผิดแชร์ลูกโซ่-พ.ร.บ.คอมพ์

คกก.กลั่นกรองดีเอสไอมี มติเอกฉันท์ ฟันคดี “ดิไอคอนกรุ๊ป” เข้าข่ายคดีพิเศษ ชงอธิบดีพิจารณาบ่ายนี้ โดยแยกเป็นคนละคดีกับคดีฟอกเงิน ที่รับเป็นคดีพิเศษไปก่อนหน้า เตรียมแบ่งหน้าที่รับผิดชอบกับตำรวจ ชี้จะเร่งดำเนินกการอย่างละเอียดรอบคอบ ส่วนข้อมูล 5 แม่ข่ายที่ทนายบอสพอลเตรียม เสนอให้เรียกเข้าคดี จะต้องมีการพิจารณาพยานหลักฐาน และเส้นเงินเพื่อพิสูจน์เจนา พร้อมเชิญอัยการเข้าร่วมเป็นที่ปรึกษาคดี

“ดีเอสไอ” มีมติเอกฉันท์ รับ “ดิไอคอน” เป็นคดีพิเศษแล้ว ชี้ฉ้อโกงปชช. ผิดแชร์ลูกโซ่-พ.ร.บ.คอมพ์ – Top News รายงาน

ดีเอสไอ

เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2567 ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เปิดเผยหลังการประชุมกรรมการกลั่นกรองการรับคดี ร่วมกับตำรวจสอบสวนกลาง ว่า จากการรับฟังข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน ซึ่งมีการเชิญพนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งประกอบด้วย รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ผู้บังคับการปราบปราม และพนักงานสอบสวนที่เกี่ยวข้องในคดี มาให้ข้อเท็จจริงกับพยานหลักฐานเป็นประโยชน์ ให้คณะกรรมการกลั่นกรองฯ ของดีเอสไอพิจารณา ชัดเจนว่าเป็นความผิดที่เข้าข่าย พ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน รวมถึง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ซึ่งอยู่ในบัญชีท้ายของ พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ คณะกรรมการกลั่นกรองจึงมีมติเป็นเอกฉันท์ โดยจะรีบเสนออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พิจารณารับเป็นคดีพิเศษภายในวันนี้

โดยพยานหลักฐานที่นำมาสู่มติเป็นเอกฉันท์ของคณะกรรมการกลั่นกรองฯ ว่าคดีเข้าข่ายคดีพิเศษ คือข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่ตำรวจสอบสวนกลางนำมาให้ ทั้งแผนประทุษกรรม, แผนการตลาดจากคอมพิวเตอร์, งบการเงิน, รวมถึงพยานหลักฐานอื่นๆ ซึ่งค่อนข้างชัดเจนว่า เป็นความผิด พ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน โดยสำนวนที่รับมาจากตำรวจที่จะเสนออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษพิจารณาบ่ายนี้ จะแยกเป็นอีกคดี ซึ่งเป็นคนละส่วนกับคดีฟอกเงิน ที่ดีเอสไอรับดำเนินการก่อนหน้านี้ เพราะถือว่า เป็นเหตุการณ์ต่างกรรมกัน พร้อมยืนยันว่า จะไม่ใช่การนับหนึ่งใหม่แต่นับก้าวไปเลย เป็นการทำงานร่วมกันกับตำรวจสอบสวนกลาง ในลักษณะการบูรณาการ ซึ่งหลังจากรับเป็นคดีพิเศษแล้ว ตำรวจก็ยังสามารถมาสอบปากคำร่วมได้ การรับเป็นคดีพิเศษจะไม่ใช่การตัดอำนาจของตำรวจ แต่เป็นการทำงานคู่ขนานกันอย่างที่ทำมาตลอด

ส่วนจะต้องมีการสอบปากคำผู้ต้องหาเพิ่มเติมด้วยหรือไม่ เดี๋ยวจะมีการประชุมและพิจารณากัน ว่า ส่วนไหนที่กองบัญชาการสอบสวนกลางยังอยากทำ และตอนนี้ก็ยังช่วยกันทำ ซึ่งส่วนตัวก็ยังชื่นชมเรื่องของการออกหมายจับที่ตำรวจสอบสวนกลางทำได้รวดเร็ว เป็นการป้องกันการทำลายพยานหลักฐาน เมื่อผู้ต้องหาถูกควบคุมตัวแล้วทางดีเอสไอก็สามารถพิจารณาพยานหลักฐานอื่นๆ ถึงตรงไหนจะมีการดำเนินการทันที

ข่าวที่น่าสนใจ

ส่วนทางดีเอสไอจะออกหมายจับรวดเร็วเหมือนตำรวจสอบสวนกลางหรือไม่ ร.ต.อ.วิษณุ ระบุว่า ต้องว่า กันตามพยานหลักฐาน ซึ่งการจะออกหมายจับ พยานหลักฐานต้องมีตามสมควร ดีเอสไอมีการพิจารณาร่วมกับพนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางด้วย ซึ่งการออกหมายจับผู้ต้องหาลอตที่สอง ร.ต.อ.วิษณุ ไม่ได้ตอบชัดว่า จะออกหมายจับภายในระยะเวลาเท่าไหร่ แต่ยืนยันว่าจะทำให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยหน้างานที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางทำมาและดีเอสไอรับช่วงต่อ ยืนยันว่า ต้องทันก่อนฝากขังผัดสุดท้ายแน่นอน ซึ่ง หากเป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนได้เพียง 4 ฝาก แต่ถ้าพิจารณาความผิดจนสามารถแจ้งข้อหาเพิ่มใน พ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน จะรวมแล้วได้ 7 ฝาก ซึ่งต้องพิจารณาให้รวดเร็วรอบคอบและมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยจะมีหนังสือเชิญอัยการสูงสุดมาเป็นที่ปรึกษาในคดี รวมถึงเชิญผู้เชี่ยวชาญทุกด้านที่เกี่ยวข้อง มาดูเรื่องข้อต่อสู้ของผู้ถูกกล่าวหา เพื่อให้คดีมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

ส่วนการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาแถวสอง ร.ต.อ.วิษณุ ระบุว่า จะมาดูว่าอะไรที่มีลักษณะพฤติกรรมร่วมมากที่สุด ซึ่งต้องดูเจตนาด้วย ส่วนที่ทนายบอสพอลบอกว่า จะส่งข้อมูลกลุ่มแม่ข่ายมาให้ก็เป็นเรื่องที่ดี แต่จะต้องมาดูว่า มีลักษณะอย่างไรและมีพฤติการณ์สามารถนำมาใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีนี้อย่างไรได้บ้าง ยืนยันว่า อะไรที่ส่งมาแล้วเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีก็ยินดี แต่เอกสารทั้งหมดต้องสอดรับกับพยานหลักฐานที่อ้าง และสอดรับกันทางนิติวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่ว่าเป็นคนละทิศทางกัน ซึ่งลักษณะพฤติกรรมร่วม ขอพิจารณาเป็นรายไป เพราะตามกฎหมายใช้คำว่า “รู้หรือควรรู้” ดังนั้น ถ้ารู้แต่อ้างว่าไม่รู้ก็จะเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณาด้วย รวมถึงต้องพิสูจน์ด้วยหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ เช่น เส้นทางการเงิน ซึ่งจะบอกเองว่า ใครได้รับประโยชน์และเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาลอตแรกซึ่งอยู่ในเรือนจำ

 

ส่วนการรับแจ้งความจากผู้เสียหาย ขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติยังรับดำเนินการอยู่ ซึ่งหากมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรจะแจ้งให้ทราบต่อไป ทางดีเอสไอและตำรวจสอบสวนกลางยังทำงานร่วมกันใน 2 มิติ คือดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดต่อไป และติดตามยึดทรัพย์เพื่อส่ง ปปง.ดำเนินการ

ส่วนกรณีเซิร์ฟเวอร์ที่ยึดได้ รวมถึงข้อมูลหลักฐานต่างๆ มีการเก็บเป็นหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ไว้ในสำนวน ส่วนนาฬิกาที่ทนายของบอสพอลบอกว่า เป็นของบอสออฟนั้น ขณะนี้ผลการตรวจสอบอย่างเป็นทางการยังไม่ออกมาว่า เป็นของแท้หรือของปลอม ซึ่งส่วนตัวมองไว้หลายประเด็น หากเป็นของแท้ก็จะเป็นประโยชน์กับผู้เสียหาย แต่หากเป็นของปลอมก็เตรียมยึดของกลางในคดี เพราะมองได้ว่า อาจเป็นการใช้จัดฉากเพื่อหลอกลวงประชาชน ส่วนรถหรูต่างๆ ที่ตำรวจสอบสวนกลางทยอยยึดไว้ก่อนหน้านี้ก็มีการบูรณาการร่วมกัน ซึ่งสุดท้ายจะต้องส่งไปให้ ปปง. ดำเนินการทั้งหมด

ด้านพลตำรวจตรีสุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า นับตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา ที่มีผู้เสียหายมาแจ้งความเอาผิดกลุ่มผู้ต้องหาและเครือข่าย ได้มีการดำเนินการสืบสวนสอบสวนในประเด็นต่างๆ ไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งขณะนั้นผู้เสียหาย มีการแจ้งความเอาผิดในหลายข้อหา ทั้งความผิดตามพ.ร.บ. กู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชนหรือ พ.ร.กแชร์ลูกโซ่ และความผิดในข้อหาฉ้อโกงประชาชน จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อใช้ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหา แต่ในระยะเวลาเพียง 5 วันหลังสืบสวนพบว่า กลุ่มผู้ต้องหาเริ่มมีการยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานและเตรียมการหลบหนีออกนอกประเทศจึงรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดที่มีที่ได้ไปให้ศาลอาญาพิจารณาออกหมายจับผู้ต้องหาทุกคน ในความผิดข้อหาตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์และฉ้อโกงประชาชน ซึ่งมีหลักฐานเพียงพอจนศาลออกหมายจับให้ ซึ่งหลังจากจับกุมผู้ต้องหาได้ครบทุกคน ตำรวจได้ทำการสอบปากคำผู้ต้องหาพบปากและปรากฏหลักฐานข้อมูลเส้นทางการเงิน งบการเงิน รูปแบบการตลาด การเสียภาษี พบว่า มีรูปแบบพฤติการณ์เสนอผลตอบแทนสร้างภาพลักษณ์ภูมิฐาน ชักจูงให้มีความน่าเชื่อถือ ซึ่งเป็นพฤติการณ์ของพรก. แชร์ลูกโซ่ และเมื่อตรวจสอบจำนวนของผู้เสียหายและมูลค่าความเสียหายจึงชัดเจนว่า คดีดังกล่าวเข้าตามบัญชีแนบท้ายของพ.ร.บ.กรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่ต้องมีผู้เสียหายจำนวนมากกว่า 300 คนและมูลค่าความเสียหายมากกว่า 100 ล้านบาท จึงต้องส่งคดีดังกล่าวให้ DSI พิจารณาไม่ได้เป็นการโยนคดี แต่เป็นไปตามที่กฎหมายระบุ จึงได้เร่งรวบรวมพฤติการณ์และพยานหลักฐานทั้งหมดส่งให้ DSI นำไปดำเนินคดีต่อ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

หมอถึงขั้นเข้าไปถามคนไข้ หลังพยาบาล เจาะเลือดไม่เข้า อึ้งห้อยพระเต็มคอ แต่ละองค์ราคาไม่ธรรมดา
“บิ๊กโจ๊ก” ด่าแรง “ทนายตั้ม” แอบอ้างชื่อ ลวง “เจ๊อ้อย” ไปเขื่อนเชี่ยวหลาน
“เจ๊อ้อย”โคตรแค้น “ทนายตั้ม” พาลูกเมียทัวร์ยุโรปถลุงเป็นล้าน แว้งกัด-คิดเอาชีวิต
รัฐบาลเพิ่ม 73,388 ที่นั่ง แก้ตั๋วเครื่องบินแพงช่วงปีใหม่
เปิดใจเจ้าของป้ายสุดแปลก "รับซื้อบ้านผีสิง" ยันซื้อจริง ไม่คอนเทนต์
“บิ๊กโจ๊ก” รอฟ้าเปิด ความจริงปรากฎ-คัมแบ็คตร. เจ็บมาเยอะแค่นี้ไม่สะเทือน
ศาลอาญาฯ พิพากษาจำคุกจำเลยคดีแชร์ลูกโซ่ "คอนเซ็ปต์ ซีรี่ส์" 1.7 หมื่นปี
คลี่ 6 ข้อกล่าวหาเขย่าขวัญ “ทักษิณ” ล้มล้างฯ จับตาศาลรธน.รับ-ไม่รับคำร้อง?
เกิดเหตุไฟไหม้ครั้งใหญ่ "โรงงานผลิตพัดลมรายใหญ่" จ.สมุทรสาคร คาดความเสียหายไม่ต่ำกว่า 50 ล้าน
เกิดแผ่นดินไหวบริเวณ "จ.ลำพูน" ขนาด 2.5 ลึกประมาณ 1 กิโลเมตร ปชช.รับรู้แรงสั่นสะเทือน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น