“ดีเอสไอ” มีมติเอกฉันท์ รับ “ดิไอคอน” เป็นคดีพิเศษแล้ว ชี้ฉ้อโกงปชช. ผิดแชร์ลูกโซ่-พ.ร.บ.คอมพ์ – Top News รายงาน
เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2567 ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เปิดเผยหลังการประชุมกรรมการกลั่นกรองการรับคดี ร่วมกับตำรวจสอบสวนกลาง ว่า จากการรับฟังข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน ซึ่งมีการเชิญพนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งประกอบด้วย รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ผู้บังคับการปราบปราม และพนักงานสอบสวนที่เกี่ยวข้องในคดี มาให้ข้อเท็จจริงกับพยานหลักฐานเป็นประโยชน์ ให้คณะกรรมการกลั่นกรองฯ ของดีเอสไอพิจารณา ชัดเจนว่าเป็นความผิดที่เข้าข่าย พ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน รวมถึง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ซึ่งอยู่ในบัญชีท้ายของ พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ คณะกรรมการกลั่นกรองจึงมีมติเป็นเอกฉันท์ โดยจะรีบเสนออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พิจารณารับเป็นคดีพิเศษภายในวันนี้
โดยพยานหลักฐานที่นำมาสู่มติเป็นเอกฉันท์ของคณะกรรมการกลั่นกรองฯ ว่าคดีเข้าข่ายคดีพิเศษ คือข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่ตำรวจสอบสวนกลางนำมาให้ ทั้งแผนประทุษกรรม, แผนการตลาดจากคอมพิวเตอร์, งบการเงิน, รวมถึงพยานหลักฐานอื่นๆ ซึ่งค่อนข้างชัดเจนว่า เป็นความผิด พ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน โดยสำนวนที่รับมาจากตำรวจที่จะเสนออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษพิจารณาบ่ายนี้ จะแยกเป็นอีกคดี ซึ่งเป็นคนละส่วนกับคดีฟอกเงิน ที่ดีเอสไอรับดำเนินการก่อนหน้านี้ เพราะถือว่า เป็นเหตุการณ์ต่างกรรมกัน พร้อมยืนยันว่า จะไม่ใช่การนับหนึ่งใหม่แต่นับก้าวไปเลย เป็นการทำงานร่วมกันกับตำรวจสอบสวนกลาง ในลักษณะการบูรณาการ ซึ่งหลังจากรับเป็นคดีพิเศษแล้ว ตำรวจก็ยังสามารถมาสอบปากคำร่วมได้ การรับเป็นคดีพิเศษจะไม่ใช่การตัดอำนาจของตำรวจ แต่เป็นการทำงานคู่ขนานกันอย่างที่ทำมาตลอด
ส่วนจะต้องมีการสอบปากคำผู้ต้องหาเพิ่มเติมด้วยหรือไม่ เดี๋ยวจะมีการประชุมและพิจารณากัน ว่า ส่วนไหนที่กองบัญชาการสอบสวนกลางยังอยากทำ และตอนนี้ก็ยังช่วยกันทำ ซึ่งส่วนตัวก็ยังชื่นชมเรื่องของการออกหมายจับที่ตำรวจสอบสวนกลางทำได้รวดเร็ว เป็นการป้องกันการทำลายพยานหลักฐาน เมื่อผู้ต้องหาถูกควบคุมตัวแล้วทางดีเอสไอก็สามารถพิจารณาพยานหลักฐานอื่นๆ ถึงตรงไหนจะมีการดำเนินการทันที