“พรรคส้ม” ทวงสัญญาลมๆแล้งๆ “พท.” ยันไม่เคยสัญญานิรโทษกรรม 112

"พรรคส้ม" ทวงสัญญาลมๆแล้งๆ "พท." ยันไม่เคยสัญญานิรโทษกรรม 112

TOP News เช็กอากัปกิริยาฝันสลายของ “พรรคส้ม” จบเห่ดันทะลุเพดาน 112 เพราะรัฐบาลเพื่อไทยผนึกพรรคร่วมสามัคคีกันปิดประตูตายนิรโทษกรรมเหมาเข่งคดี 112 เริ่มที่ “รังสิมันต์ โรม” แกนนำพรรคประชาชน ออกมาทวงสัญญาลม ๆแล้งๆ ที่ “พรรคเพื่อไทย” เคยให้ไว้ ว่า จะคลี่คลายปัญหาของคนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมทางการเมือง ไม่ว่าจะโดนด้วยข้อหาอะไรควรได้รับการนิรโทษกรรม ล็อคเป้าจี้ถามสปิริต “ภูมิธรรม เวชยชัย” ผู้จัดการรัฐบาล อดีตคนเดือนตุลาอุดมการณ์หายไปไหน

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

บิ๊กเนมพรรคส้ม อ้างว่า ทั้งที่ก่อนหน้านี้ “พรรคเพื่อไทย” ให้ความหวัง “พรรคส้ม” ด้วยการอาสาเป็น “โต้โผ” ผ่านร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฉบับพรรคส้มเข้าสภา หรือ เป็นเจ้าภาพทำรายงานการศึกษาแนวทางการตราร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ของคณะกรรมาธิการวิสามัญ แต่กลับกลายเป็นว่า “พรรคเพื่อไทย” กลับลำตีตก “ข้อสังเกต” ของกรรมาธิการนิรโทษกรรม ระดับผู้นำจิตวิญญาณ “พรรคส้ม” “ปิยบุตร แสงกนกกุล” แกนนำคณะก้าวหน้า ถึงกับออกมาฟาด “พรรคเพื่อไทย” ยอมให้ พรรคร่วมขี่คอเพื่อให้ได้เป็นรัฐบาลต่อไป

เช่นเดียวกับ “ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล” ทวงถามจุดยืน 112 ต่อ “พรรคเพื่อไทย” ตกลงแล้วพรรคเพื่อไทยตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง หลังเลือกตั้ง หรือแม้กระทั่งตัวแทนของพรรคที่เป็น กรรมาธิการวิสามัญ ยังมีความเห็นเกี่ยวกับคดี 112 ที่พรรคเพื่อไทย เคยพูดมาไม่ว่าจะเป็นในสมัยที่แล้ว ก่อนเลือกตั้ง หรือแม้กระทั่งผ่านการเลือกตั้งไปแล้ว พรรคเพื่อไทย เข้าใจดีเกี่ยวกับประมวลความผิดอาญามาตรา 112 แต่ไม่แน่ใจว่าด้วยข้อจำกัดอะไรที่ทำให้วันนี้อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง

จนทำให้ขณะนี้เหลือเพียง “พรรคส้ม” เพียงลำพังที่ดันทะลุเพดาน หมกมุ่นแก้ไขมาตรา 112 เพราะทุกข์ร้อนมากที่สุดที่เหล่าสาวกและแนวร่วม 3 นิ้ว ยังคงตกอยู่ในชะตากรรม ต้องคดีและติดคุก อย่างวานก่อน เพจ “อานนท์ นำภา ” ออกมาตัดพ้อรอดกรงขัง ว่าขณะนี้ ชีวิตสุดรันทดในคุก ไม่แน่ใจว่าทำไมช่วงนี้ น้ำเปล่าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพถึงซื้อไม่ได้เลย เพื่อนๆต้องกินน้ำก๊อกมาเป็นอาทิตย์แล้ว น้ำขวดเป็นสิ่งจำเป็นมาก วอนอย่าปล่อยให้ขาดสต๊อก สิ่งที่ “อานนท์ นำภา” เหมือนส่งซิกให้ท่านผู้แทน “สส.พรรคส้ม” แวะไปเยี่ยมเยียนตัวเองและเพื่อนซื้อน้ำขวดไปฝากบ้าง ใช่หรือไม่?

“พรรคส้ม” เจ็บช้ำใจเข้าไปอีก เมื่อที่ประชุม “พรรคเพื่อไทย” ประกาศแนวทาง ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่ขณะนี้มีอยู่ในสภา 4 ฉบับ “พรรคเพื่อไทย” มีมติเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของตัวเองปะกบ เพื่อให้เกิดความปรองดองสมานฉันท์ในประเทศ แต่ไม่ให้มีการนิรโทษกรรมคดีมาตรา 110 และมาตรา 112 ภารกิจนี้แกนนำพรรคเพื่อไทย “ชูศักดิ์ ศิรินิล” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นแม่งานไปยกร่างกฎหมาย โดยเนื้อหาส่วนใหญ่จะยึดตามรายงานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทาง ตราพ.ร.บ.นิรโทษกรรม แต่จะไม่มีการนิรโทษกรรมคดีมาตรา110 และ 112

ทั้งนี้แกนนำพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่ากระแสขณะนี้ไม่มีพรรคใดเอานิรโทษมาตรา 112 ถ้าเสนอไปก็เดือดร้อนหมด เสนอไปก็ตกอยู่ดี ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยไม่เคยพูดจะนิรโทษกรรมมาตรา 112 แค่บอกจะหาแนวทางนิรโทษกรรมคดีการเมือง ดังนั้นการไม่นิรโทษกรรมคดีมาตรา112 จึงไม่ถือว่า “พรรคเพื่อไทยผิดคำพูด”

ขณะที่ท่าทีพรรคร่วมรัฐบาล “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” โต้กลับ “พรรคส้ม” ที่บอกว่าการออกกฎหมายนิรโทษกรรมแบบเหมาเข่งโดยรวม มาตรา 112 เข้าด้วยจะเป็นการปกป้องสถาบันนั้น ตนมองว่ามันจะเกิดสิ่งตรงข้ามมากกว่า และอาจเป็นแรงจูงใจในอนาคตให้มีการละเมิด มาตรา 110 และ 112 มากขึ้น เพราะเห็นว่าเมื่อละเมิดแล้วก็สามารถนิรโทษกรรมได้ และที่บอกว่าจะทำให้เกิดความปรองดอง ตนเห็นว่านับหนึ่งก็แตกแยกแล้ว

“จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” ได้กล่าว ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม 4 ฉบับ ยกเว้นของ “พรรครวมไทยสร้างชาติ” มีโอกาสที่จะออกกฎหมายนิรโทษกรรมแบบเหมาเข่งยังมีอยู่ เพราะมีบางร่างที่เสนอเข้าไปค้างอยู่ในวาระประชุมสภาส่วนจะพิจารณาแบบแยกฉบับ หรือพิจารณาพร้อมกัน ขึ้นอยู่กับวิปที่จะต้องหารือกัน ถ้าวิปเห็นพ้องกันว่าให้พิจารณาต้องหยิบขึ้นมาพิจารณา แต่หลักพิจารณาของ “พรรคประชาธิปัตย์” มีอยู่แล้ว ถ้าเป็นเรื่องมาตรา 110 มาตรา112 ทุจริตคอรัปชั่น และ อาญาร้ายแรง พรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วย ยกเว้นเป็นการนิรโทษกรรมอันเกิดจากการกระทำความผิดจากแรงจูงใจทางการเมืองทั่วไป เช่นการชุมนุมทางการเมือง การผิด พ.ร.บ.จราจร หรือคำสั่งต่างๆ และถ้าสังคมเห็นพ้องก็ไม่ขัดข้อง

ส่วนที่มีความเป็นห่วงว่า อาจเกิดกรณี 143 เสียง ของพรรคประชาชน รวมกับ 141 เสียงของพรรคเพื่อไทย ร่วมกันยกมือให้ผ่านกฎหมายนิรโทษกรรม จะเป็นไปได้หรือไม่ ในสายตา “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” มองว่า ไม่ทราบ แต่ถ้ารวมกันก็ชนะ เพราะเสียงเกินครึ่ง และเป็นสิ่งที่หลายฝ่ายมีความกังวล แต่หลักๆ ทางการเมือง คิดว่า ได้ไม่คุ้มเสีย เพราะการที่เป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแล้วไปจับมือกับฝ่ายค้าน พรรคร่วมรัฐบาลจะคิดอย่างไร และจะทำงานร่วมกันอย่างไรในอนาคต และที่สำคัญความรู้สึกของประชาชนจะคิดอย่างไรต่างหาก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ทร.เอาจริง! ติดเขี้ยวเล็บให้ปชช.แนวชายแดน สอนจับปืน-ศัตรูมาพร้อมซัดโป้ง
คดีสังหาร สจ.โต้ง ส่อบานปลาย คลิปเสียงโผล่อีกไขปมยิง โยงเงินปริศนา 70 ล้าน
"อดีตสว.สมชาย" ชี้ฝ่ายอนุรักษ์เดินหมากผิด เปิดโอกาส"ระบอบทักษิณ"ฟื้นชีพรอบวกส้ม
ม่วนกรุ๊ป เริ่มแล้ว เทศกาลตีคลีไฟชัยภูมิ หนึ่งเดียวในโลก 1 ครั้งในรอบปี สุดคึกคัก
ชาวเวียดนามในโฮจิมินห์ดีใจมีรถไฟใต้ดินใช้แล้ว
ผู้นำสูงสุดปัดอิหร่านไม่มีกองกำลังตัวแทน
ฮูตีเคลมผลงาน F/A-18 โดนสอยร่วงทะเลแดง
สื่อทำเนียบฯ จัดเต็มฉายาครม.ปี 67 "รัฐบาล (พ่อ) เลี้ยง" นายกฯท่องโพย วาทะแห่งปี "สามีคนใต้"
“ว้าแดง”เหิมหนัก! สั่งคนไทยห้ามเก็บของป่า ชาวบ้านผวา-ซ้อมอพยพถี่ยิบ
เมีย-แม่ยาย หอบเงินล้าน บุกติดสินบนตำรวจ ช่วยผัวค้าเฮโรอีน สุดท้ายถูกซ้อนแผนโดนรวบตัว

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น