AP รายงานวันนี้ (1 พย.) ว่านักศึกษาชายจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนวัย 19 ปีซึ่งถือสัญชาติจีนถูกเจ้าหน้าที่สหรัฐตั้งข้อหาในการกระทำความผิดฐานใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยจอซลีน เบนซัน ผู้อำนวยการสำนักงานต่างประเทศรัฐมิชิแกนและเอลไลน์ แซวิต อัยการเขตวอชเทนอว์ได้ออกแถลงการณ์ร่วมเผยว่านักศึกษาคนดังกล่าวถูกตั้งข้อหาให้การเท็จและข้อหาอาญา เนื่องจากมีความพยายามที่จะใช้สิทธิเลือกตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาติ ซึ่งข้อหาหลังมีความผิดสูงสุดจำคุก 4 ปีและถูกปรับ 2 พันดอลล่าร์สหรัฐหรือราว 6 หมื่น 8 พันบาท
ก่อนหน้านี้ พรรคริพับลิกันได้จุดประเด็นและแสดงความวิตกเรื่องชาวต่างชาติที่ไม่ได้ถือสัญชาติอเมริกันอาจลักลอบใช้สิทธิเลือกตั้งเป็นจำนวนมาก โดยหวังใช้เรื่องนี้เป็นข้อโต้แย้งหากโดนัลด์ ทรัมป์เกิดแพ้เลือกตั้งขึ้นมา อย่างไรก็ตามจนถึงขณะนี้แม้แต่รัฐที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นริพับลิกันก็ยังไม่พบปัญหาดังกล่าว และกรณีนักศึกษาจีนกาบัตรเลือกตั้งก็ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่พบน้อยมาก
ทั้งนี้แถลงการณ์ของเบนซันและแซวิตระบุผุ้ที่จะใช้สิทธิเลือกตั้งต้องเป็นพลเมืองอเมริกันเท่านั้นและต้องลงชื่อยืนยันในใบลงทะเบียนเลือกตั้ง หากฝ่าฝืนมีความผิดร้ายแรง และเจ้าหน้าที่จะบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังในเรื่องนี้ ขณะที่อ้ยการสูงสุดรัฐมิชิแกนก็มีคำสั่งให้เปิดการสอบสวนต่างหาก
ข้อมูลจากสำนักงานต่างประเทศรัฐมิชิแกนระบุเพิ่มเติมว่านักศึกษาผู้นี้พำนักในสหรัฐอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่ไม่ได้ถือสัญชาติอเมริกัน โดยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาได้เดินทางไปลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้าที่เมืองแอนาเบอร์ โดยใช้บัตรนักศึกษาและเอกสารยืนยันถิ่นที่อยู่เป็นเอกสารในการลงทะเบียน รวมทั้งได้เซนต์ชื่อยืนยันว่าเป็นพลเมืองอเมริกันด้วย แต่หลังจากนั้นได้เกิดเปลี่ยนใจและติดต่อมายังเจ้าหน้าที่เพื่อขอบัตรเลือกตั้งคืน เจ้าหน้าที่จึงแจ้งตำรวจทันที อย่างไรก็ตามล่าสุดยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่านักศึกษาถูกจับกุมหรือยังอยู่ในความควบคุมของตำรวจหรือไม่
ด้านกระทรวงต่างประเทศจีนได้ออกประกาศเตือนพลเมืองของตนในต่างแดนให้ปฏิบัติตามกฎหมายของชาตินั้นเพื่อหลีกเลี่ยงการกระทำความผิด ขณะเดียวกันก็เรียกร้องสหรัฐให้สวบสวนด้วยความเป็นธรรมและดำเนินคดีตามหลักกฎหมาย ด้านสส.มิชิแกนจากพรรคริพับลิกันได้ออกมาเรียกร้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยมิชิแกนให้ไล่นักศึกษาคนดังกล่าวออก