รวบ 2 แม่ลูกบัญชีม้า หลอกเงินลูกสาว “ชัยชนะ” รองหัวหน้าปชป. เจ้าตัวลั่น เตรียมผลักดันสภาเร่งแก้ปัญหาเด็ดขาด

จับแล้วบัญชีม้า 2 แม่ลูกเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกเงินลูกสาว “ชัยชนะ” รอง หน.พรรคประชาธิปัตย์ 650,000บาท เจ้าตัวลั่นเตรียมผลักดันสภาให้ยกเป็นวาระแห่งชาติแก้ปัญหาด่วนเพื่อไม่ให้ประชาชนต้องตกเป็นเหยื่ออีก

รวบ 2 แม่ลูกบัญชีม้า หลอกเงินลูกสาว “ชัยชนะ” รองหัวหน้าปชป. เจ้าตัวลั่น เตรียมผลักดันสภาเร่งแก้ปัญหาเด็ดขาด

ข่าวที่น่าสนใจ

จากกรณีที่นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และประธานกรรมาธิการตำรวจฯ ได้ออกมาร้องเรียนถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกรณีลูกสาวคนโตวัย 18ปี ซึ่งเป็นนักศึกษาปี 1 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงให้โอนเงินไปหลายครั้งเป็นเงินรวมจำนวน 650,000บาทนั้นและมีการแจ้งความกับตำรวจสภ.เมืองนครศรีธรรมราช แล้วนั้น

 

 

ล่าสุดเมื่อเวลา 15.00น. วันที่ 1 พ.ย.2567 ที่ห้องประชุมชั้น 2 สภ.เมืองนครศรีธรรมราช พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วย พ.ต.อ.กิตติชัย ไกรนรา ผกก.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้แถลงว่าเมื่อคืนที่ผ่านมา(31 ต.ค.)ตำรวจสภ.เมืองนครศรีธรรมราชและตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ได้จับกุมตัว2แม่ลูกบัญชีม้าแล้วคือแม่ นางสุภาพ ชูสิทธิ์ อายุ 50 ปีและลูกสาว นางสุนิษา ชูสิทธิ์ อายุ 26 ปี โดยจับตามหมายจับของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช เบื้องต้นนางสุนิษารับสารภาพ ว่าขณะไปสมัครงานร้านอาหารแห่งหนึ่งที่จ.ชลบุรี ได้ถูกชาวจีน บังคับเอาสมุดบัญชีไปเปิด โดยยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหลอกเงินลูกสาวนายชัยชนะ แต่อย่างใด ซึ่งเบื้องต้นทางพล.ต.ต.สมชาย และตำรวจชุดสืบสวนได้ทำการสอบสวนปากคำ2แม่ลูกบัญชีม้าอย่างเคร่งเครียด

ต่อมาผู้ต้องหา 2 แม่ลูกให้การรับสารภาพว่าถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้ไปทำงานที่ร้านแห่งหนึ่งในประเทศเขมรแล้วก่อนถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกเอาบัตรประชาชนและหลอกให้ไปเปิดบัญชีม้าโดยไม่รู้ตัว ก่อนที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์นำบัญชีม้าของพวกตนไปหลอกเหยื่อแต่ไม่ทราบ 1 ในเหยื่อจะเป็นลูกสาวนักการเมือง

 

ต่อมาเวลา 16.00 น. นายชัยชนะ ได้เดินทางมา สภ.อ นครศรีธรรมราชและร่วมแถลงข่าว ว่า ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ให้ความสนใจเรื่องนี้ ซึ่งตนไม่ได้ออกมาเพราะเหตุเกิดขึ้นกับลูกสาวตน แต่ต้องออกมาเพื่อบอกให้ประชาชนรับทราบถึงวิธีการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และตำรวจต้องเร่งแก้ปัญหา ซึ่งในฐานะ สส. ตนจะเสนอเป็นญัตติต่อสภาเพื่อให้ปัญหาแก๊งคอลเซนเตอร์เป็นวาระแห่งชาติให้ได้ ตนเห็นว่าต้องเชิญธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท. ) คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. และกระทรวงดีอีมาเพื่อหารือว่าเป็นไปได้หรือไม่เชิญค่ายโทรศัพท์มาหาแนวทางแก้ปัญหา ซึ่งตนเคยบอกหลายครั้งว่าการคลี่คลายเรื่องนี้ นอกจากเครือข่ายโทรศัพท์ ปราบปรามแก๊งจีนเทาแล้ว ต้องระงับเปิดบัญชีม้าให้ได้

นายชัยชนะ กล่าวว่าเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลายคนฆ่าตัวตาย ส่วนลูกสาวตนโชคดีที่ยังกลับไปเรียนหนังสือได้ โดยคดีนี้ลูกสาวตนถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงินเข้าเงินบัญชีม้า 3 บัญชี ขณะนี้จับได้ 2 บัญชีม้า ยังเหลืออีก 1 บัญชีม้าทราบว่าอยู่ จ.กาญจนบุรี และทราบว่ากำลังจะหลบหนีเข้าประเทศเพื่อนบ้านทางตำรวจกำลังล่าตัวอยู่คาดได้ตัวเร็วๆนี้

“ผมอยากให้ตำรวจขยายผลไปจับต้นตอตัวการใหญ่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้ได้จะดีมาก และอยากให้ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้หมดสิ้นไปโดยเร็ว ซึ่งตนในฐานะประธานกรรมาธิการตำรวจจะได้ทำเรื่องนี้อย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์อีกต่อไป” นายชัยชนะ กล่าว

โดยก่อนหน้านี้ นายชัยชนะได้ให้สัมภาษณ์ถึงพฤติกรรมคนร้าย โดยบุตรสาวได้โอนเงินครั้งแรก 56,000 บาท หลังจากนั้นก็มีการเปิดวีดิโอคอลพูดคุย อีกฝ่ายใส่ชุดเป็นตำรวจ อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ และมีการบอกถึงคดีความว่าเป็นอย่างไร หลังจากนั้นก็ได้ให้โอนเงินครั้งที่ 2 บุตรสาวก็ได้โทรศัพท์มาหา และบอกว่าต้องจ่ายค่าเทอม ซึ่งได้ให้บุตรสาวส่งใบเสร็จการจ่ายค่าเทอมมา เพราะความจริงจะต้องจ่ายเดือนมกราคม แต่เนื่องจากบุตรสาวเป็นคนตั้งใจเรียน และไม่เคยมีประวัติที่ไม่ดีในด้านการเงิน จึงได้โอนเงินชำระค่าเทอมผ่านไปยังบุตรสาว

“หลังจากนั้นบุตรสาวก็ได้โอนเงินต่อไปไปให้แก๊งคอลเซนเตอร์ ผ่านบัญชีม้า 100,000 บาท 2 ครั้ง รวม 200,000 บาท หลังจากแก๊งคอลเซนเตอร์ หลอกเงินไปแล้ว 3 ครั้ง ก็ได้กล่อมให้บุตรสาวกลับบ้านต่างจังหวัด เพื่อไปหาเงินไม่เช่นนั้นจะทำให้คุณพ่อ รวมถึงญาติพี่น้องเสื่อมเสียชื่อเสียง และจะแบล็คเมล์รูปที่วิดีโอคอลกันไว้ บุตรสาวจึงได้เดินทางกลับไปที่ จ.นครศรีธรรมราช ไปเอาเงินที่คุณยายแล้วโอนเงินให้กับแก๊งคอลเซนเตอร์อีก 393,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งหมด 650,000 บาท” นายชัยชนะกล่าว

นายชัยชนะ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า การกระทำของแก๊งคอลเซนเตอร์ที่กระทำต่อเด็ก และเป็นบุตรของบุคคลสาธารณะในสังคม และใช้วาทะในการข่มขู่นักศึกษาเหล่านี้ ว่าถ้าไม่กระทำตามคุณพ่อคุณแม่จะเสียชื่อเสียงและจะนำรูปที่มีส่งให้มหาวิทยาลัย ทำให้เด็กเกิดความกลัว ซึ่งหลังจากเหตุการณ์เกิดขึ้น บุตรสาว ก็ได้โทรมาหา และเล่าเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงให้ไปแจ้งความดำเนินคดี ที่ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ยังมีความโชคดีอยู่ว่าเขาไม่มาหลอกนำพาบุตรสาวไปดำเนินคดีแล้วมีการกักขังไว้เหมือนที่คนอื่นโดน เพราะปัจจุบันก็ยังมีเหตุการณ์แบบนี้อยู่ ต้องยอมรับว่าเด็กหลายคนรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่รู้ถึงกระบวนการการกระทำแบบนี้ ก็จะโดนหลอกลวงแบบนี้อยู่บ่อย ๆ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"นักเขียนซีไรท์" ชวนให้คิด ถ้า "พรรคส้ม" มีอำนาจ ทำไมอยากยุบ 1 สถาบัน 5 องค์กร
“สุชาติ” รมช. พาณิชย์ ยืนยันไม่ได้หายไปไหน เดินหน้าผลักดันส่งออก ชี้ต้องการทำให้ FTA มีประโยชน์สูงสุด
เหนือ-อีสาน หนาวจัด บางพื้นที่มีน้ำแข็งค้าง 8 จว.ใต้ เจอฝนฟ้าคะนอง กทม.มีหมอกบางช่วงเช้า เย็นสุด 19 องศา
"ปลาหมอคางดำ" แก้เป็นระบบเดินหน้าครบ 5 มาตรการ จบปัญหา หนุนคืนความสมดุลสู่ระบบนิเวศ 
ผลงานชิ้นโบว์แดง "หิมาลัย" เผย "พีระพันธุ์-เอกนัฏ" ผสานกำลังปลดล็อก "โซลาร์รูฟท็อป" ได้สำเร็จ
“อรรถวิชช์-พงศ์พล-ฐิติภัสร์” พร้อมใจโพสต์ปกป้อง “พีระพันธุ์-เอกนัฏ” หลังสื่อทำเนียบตั้งฉายา “พีระพัง” ลั่นพร้อมพังทุกรูปแบบการโกงกิน
"การรถไฟฯ" ออกแถลงการณ์ ยันเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ "ที่ดินเขากระโดง" เดินหน้าทวงคืนตามกม. ไม่ใช่ละเมิดสิทธิปชช.
‘อี้ แทนคุณ’ พาเหยื่อร้องปคม. ถูกหลอกข้ามแดนลวงเปิดบัญชีม้า หลังพบมีหมาย 450 คดี
คืนส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2568 รถไฟฟ้าบีทีเอส - สายสีทอง ขยายเวลาให้บริการถึงตี 2
“เพื่อไทย” จัดเต็ม ชาวเชียงใหม่เรือนหมื่นแห่ฟัง “ทักษิณ” สว.ก๊องมั่นใจ พ่อใหญ่แม้วช่วยหาเสียงชนะแน่

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น