กทม.จ่อบังคับฝังชิป "สุนัข-แมว" ห้ามเลี้ยงเกินจำนวนที่กำหนด พร้อมคุมสุนัขพันธุ์ดุเป็นพิเศษ
ข่าวที่น่าสนใจ
สำหรับสาระสำคัญของร่างข้อบัญญัตินี้ ประกอบด้วย การเลี้ยงสัตว์ ห้ามมิให้ผู้ใดเลี้ยงสุนัขและแมวในที่หรือทางสาธารณะหรือในที่ของบุคคลอื่นโดยปราศจากความยินยอม การปล่อยสัตว์ สถานที่เลี้ยงสัตว์
การควบคุมการเลี้ยงสุนัขและแมว โดยให้ กทม.เป็นเขตห้ามเลี้ยงสุนัขและแมวเกินจำนวนที่กำหนด เช่น พื้นที่อาคารชุดหรือห้องเช่า ตั้งแต่ 20-80 ตารางเมตรขึ้นไป เลี้ยงได้ไม่เกิน 1 ตัว หากเกิน เลี้ยงได้ไม่เกิน 2 ตัว และเนื้อที่ดินไม่เกิน 20 ตร.ว. เลี้ยงได้ไม่เกิน 2 ตัว เนื้อที่ดิน 20-50 ตร.ว. เลี้ยงได้ไม่เกิน 3 ตัว เนื้อที่ดิน 50-100 ตร.ว. เลี้ยงได้ไม่เกิน 4 ตัว เนื้อที่ดิน 100 ตร.ว.ขึ้นไป เลี้ยงได้ไม่เกิน 6 ตัว
เจ้าของต้องนำสัตว์เลี้ยงไปทำเครื่องหมายระบุตัวอย่างถาวรจากสัตวแพทย์ โดยการฝังไมโครชิปตามมาตรฐานที่ กทม.กำหนด พร้อมนำใบรับรองไปแจ้งเจ้าหน้าที่ ณ สำนักงานสัตวแพทย์สาธารณสุขสำนักอนามัยหรือสำนักงาน
นอกจากนี้ยังมีการกำหนดสุนัขควบคุมพิเศษ ประกอบด้วย พิทบูลเทอร์เรีย บูลเทอร์เรีย สเตฟอร์ดเชอร์บูลเทอร์เรีย รอทไวเลอร์ ฟิล่าบราซิเลียโร รวมถึงสุนัขที่มีประวัติทำร้ายคนหรือพยายามทำร้ายคน เมื่อออกนอกสถานที่เลี้ยงต้องใส่อุปกรณ์ครอบปาก ใช้สายจูงที่มั่นคงแข็งแรง และจับสายจูงห่างจากคอสุนัขไม่เกิน 50 เซนติเมตรตลอดเวลา
ทั้งนี้ ผู้ใดฝ่าฝืนข้อบัญญัติดังกล่าวจะมีโทษตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
จากการสำรวจสุนัขและแมวในชุมชนพื้นที่กรุงเทพมหานครโดยอาสาสมัครสาธารณสุขของศูนย์บริการสาธารณสุขทั้ง 67 แห่ง พบว่าในปี 2567 มีสุนัขและแมว จำนวนทั้งสิ้น 198,688 ตัว แบ่งเป็น สุนัขที่มีเจ้าของ 53,991 ตัว จรจัด 8,945 ตัว รวม 62,936 ตัว แมวมีเจ้าของ 115,821 ตัว จรจัด 19,925 ตัว รวม 135,752 ตัว
ทั้งนี้ จะมีการใช้ข้อบังคับให้สุนัขและแมวต้องมีการฝังไมโครชิป เพื่อให้ทราบเจ้าของสัตว์เลี้ยงที่ต้องดูแลรับผิดชอบอีกด้วย ซึ่งจะลดและแก้ปัญหาสัตว์เลี้ยงสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้ผู้อื่น รวมถึงสำนักอนามัยมีหน่วยสัตวแพทย์เคลื่อนที่ให้บริการทำหมันสัตว์จรจัดในแต่ละพื้นที่เพื่อลดจำนวนสัตว์จรจัด และในส่วนของสุนัขที่มีความดุร้ายสร้างความเดือดร้อน หน่วยงานจะนำไปไว้ที่ศูนย์ควบคุมและพักพิงสุนัขของ กทม. ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่เขตประเวศ ส่วนกรณีที่ต้องการเลี้ยงเป็นคู่เพื่อผสมพันธุ์สัตว์หรือประกอบธุรกิจนั้น สามารถขออนุญาตเพิ่มเติมได้ตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข โดยฝ่ายเลขานุการสภา กทม.จะเสนอร่างดังกล่าวให้ผู้ว่าฯ กทม. ลงนามประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยจะมีผลบังคับใช้วันถัดไปหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา 360 วัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง