“รองผู้การกองปราบฯ” กางกม.เอาผิด “ซินแสชื่อดัง” จ่อโดนคดีฟอกเงิน หลังตุ๋นเหยื่อหลายราย สูญเงินกว่า 70 ล้าน

รองผู้การกองปราบฯ กางข้อกฎหมายเอาผิดซินแสชื่อดัง หลอกเหยื่อหลายรายสูญเงินกว่า 70 ล้านบาท อาจเข้ าข่ายการฟอกเงินจากการฉ้อโกงเป็นปกติธุระ แฉพฤติกรรมพูดโน้มน้าว ข่มขู่ให้ผู้เสียหายโอนเงิน

“รองผู้การกองปราบฯ” กางกม.เอาผิด “ซินแสชื่อดัง” จ่อโดนคดีฟอกเงิน หลังตุ๋นเหยื่อหลายราย สูญเงินกว่า 70 ล้าน – Top News รายงาน

รองผู้การกองปราบฯ

หลังจากตำรวจกองปราบปรามรับคำร้องทุกข์ของกลุ่มผู้เสียหายที่ถูกซินแสชื่อดังหลอกลวง ให้ซื้อรูปปั้นเทพบูชาต่างๆ รวมไปถึงพูดจาโน้มน้าวให้ดัดแปลงที่อยู่อาศัย จนทำให้มีผู้เสียหายสูญเงินไปแล้วกว่า 70 ล้านบาทนั้น ล่าสุด วันนี้ (5 พ.ย.67) พันตำรวจเอก เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีนี้ว่า จากการสอบปากคำผู้เสียหายเบื้องต้น พบว่าซินแสชื่อดังรายนี้มีพฤติการณ์พูดจาโน้มน้าวให้ซื้อรูปปั้นองค์เทพต่างๆ ไว้บูชา โดยให้วางไว้ตามจุดต่างๆ ของบ้าน เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคล ไม่มีสิ่งชั่วร้ายเข้ามาในบ้าน กลุ่มผู้เสียหายจึงหลงเชื่อ และซื้อรูปปั้นเทพบูชาต่างๆ เช่น ปี่เซียะ รูปปั้นสิงห์ แต่กลับไม่ได้รับของ เมื่อผู้เสียหายทวงถามไป ซินแสก็ไม่ส่งของมาให้

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ส่วนผู้เสียหายอีกประเภทจะหมดเงินไปกับการที่ซินแสรายนี้พูดทักท้วงเรื่องที่อยู่อาศัย เช่น ทิศทางลม หรือประตูบ้าน จะทำให้สิ่งชั่วร้ายเข้าบ้าน จึงต้องดัดแปลงปรับปรุงบ้านให้ตรงตามที่ซินแสพูด เช่น ผู้เสียหายอายุ 77 ปี และลูกสาว ที่หมดเงินไปกับการปรับเปลี่ยนโครงสร้างบ้านตามคำทักท้วง การให้ลงทุนซื้อรูปปั้นปี่เซียะ ซึ่งซินแสรายนี้ น่าจะมีความผิดเข้าข่ายการฉ้อโกง เพราะเป็นการพูดจาโน้มน้าวชักชวนให้ผู้เสียหายจ่ายเงิน เมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริง ตามปกติการพูดจาชักชวน ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อ หรือความศรัทธา ผู้ชักชวนส่วนใหญ่ก็จะยินดีจ่าย แลกกับความสบายใจ น่าจะจบลงแค่ตรงนั้น แต่พฤติการณ์ของซินแสรายนี้ ไม่ใช่แค่การพูดจาชักชวน แต่เป็นลักษณะของการตื้อพูดโน้มน้าวให้ผู้เสียหายเร่งโอนเงินมาให้ ถือว่าผิดปกติ และเมื่อผู้เสียหายโอนเงินมาให้ กลับไม่ได้รับสิ่งของ และถูกบ่ายเบี่ยง ก็ยิ่งน่าสงสัยมากขึ้นไปอีก

อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวน ไม่ใช่แค่การสอบปากคำว่าเข้าข่ายฉ้อโกงเพียงเท่านั้น แต่จะสอบปากคำการฉ้อโกงที่เป็นปกติธุระ ซึ่งอาจเข้าข่ายความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการฟอกเงิน ซึ่งการฉ้อโกงที่เป็นปกติธุระหมายความว่า การฉ้อโกงที่มีลักษณะกระทำซ้ำๆ ต่อเนื่องหลายครั้ง มีจุดมุ่งหมายเอาเงินของผู้เสียหาย โดยจะเป็นการตรวจสอบเส้นทางการเงิน ควบคู่ไปกับการสอบปากคำเกี่ยวกับการฉ้อโกง หากพบว่าเข้าข่าย ก็อาจเป็นความผิดตามมูลฐานการฟอกเงิน พ.ร.บ.การฟอกเงิน 2542 มาตรา 3(18) ซึ่งในส่วนนี้พนักงานสอบสวนก็จะสอบในประเด็นนี้ด้วยเช่นกัน

 

ล่าสุด มีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความที่กองปราบปรามเพิ่มเติมแล้วกว่า 20 ราย รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 70 ล้านบาท แบ่งความเสียหาย ตั้งแต่ 2 แสน ถึง 9 แสนบาท ซึ่งพฤติการณ์ของการถูกหลอกลวงจะลักษณะคล้ายกัน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

โผล่อีก “หมู่บ้านเขมร” จองแผ่นดินไทย อึ้ง! อุ้มลูกเดินยั้วเยี้ย ตร.เพิ่งจะจับ
งามไส้! “หนุ่มไทย” พกปืน-กระสุนใส่เต็มแม็ก คุ้มกัน “พม่าเถื่อน” เข้าเมือง
ผู้นำสหรัฐเรียกนายกฯแคนาดาว่า” ขี้แพ้”
เพจดังจับโป๊ะพรรคส้ม ขุดยับ “เท้ง-ไอซ์” นำทีมสส.ร่วมทริปกมธ. บินเกาหลีใต้ ใช้งบฯหลักล้านคาใจดูงานแน่เปล่า
มัสก์จี้ข้าราชการอเมริกันเขียนรายงานวันๆทำอะไรบ้าง
ผู้ปกครองพา "ด.ช.วัย 13" ร้องสายไหมต้องรอด ถูกสาวสอง สร้างไอจีปลอม ลวงทำอนาจาร
"ทักษิณ" เอ่ยขออภัยเหตุการณ์ "ตากใบ" ปี 47 ลั่นไม่ตกใจ เหตุบึ้มรถในสนามบินนราฯ รับลงชายแดนใต้
“ทักษิณ” ลั่นปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้ ต้องจบในรัฐบาลนี้ ยึดการพูดคุย เป็นแนวทางสร้างสันติสุข
เลขาธิการ สปส. แจงเสถียรภาพ "กองทุนประกันสังคม" ย้ำชัดสิทธิประโยชน์ดีเพิ่มขึ้นทุกปี
คึกคักสุดๆ แห่เที่ยวตามรอย "ลิซ่า" ในซีรีส์ The White Lotus 3 ทำยอดจองโรงแรมเกาะสมุยพุ่ง

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น