วันที่25 ก.ย. 2564 นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ตามที่ได้ปรากฏว่ามีการแอบอ้างว่า จะใช้สกุลเงินดิจิทัลใหม่ทั่วโลก รวมทั้งจะมีการยกหนี้ในระบบสถาบันการเงินและแลกเปลี่ยนเงินฝากในระบบสถาบันการเงินเป็นสกุลเงินดิจิทัลนั้น กระทรวงการคลังขอเรียนว่าข้อความดังกล่าวไม่ได้เป็นความจริงแต่อย่างใด จึงขอให้ประชาชนใช้ความระมัดระวังอย่าโอนเงินหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้กับบุคคลที่มีการแอบอ้างในลักษณะดังกล่าว รวมทั้งอย่าส่งต่อ หรือแชร์ข้อมูลต่างๆ ที่มิได้ถูกเผยแพร่อย่างเป็นทางการจากกระทรวงการคลังหรือธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
ปัจจุบัน กฎหมายว่าด้วยเงินตรากำหนดให้เงินที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายมีเพียงเหรียญกษาปณ์ที่ออกโดยกระทรวงการคลังและธนบัตรที่ออกโดย ธปท. เท่านั้น นอกจากนี้ การหลอกลวงผู้อื่นด้วยการนำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์เผยแพร่หรือส่งต่อข้อมูลดังกล่าวโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลอันเป็นเท็จเพื่อให้ผู้อื่นและให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม จะมีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ กระทรวงการคลังขอเตือนผู้ที่มีพฤติกรรมแอบอ้างโดยมีเจตนาหลอกลวงหรือทำให้ประชาชนเข้าใจผิด ขอให้หยุดการกระทำดังกล่าว โดยหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องจะมีการตรวจสอบอย่างเข้มงวดและหากพบว่ามีการกระทำความผิดจะดำเนินการตามกฎหมายทันที
ในวันเดียวกันนี้ กระทรวงการคลัง ก็ได้ออกมาเตือนภัยข่าวปลอม ชี้ “แจกเงิน ID ล้านหลอกลวง Reset ระบบการเงินโลกล้างหนี้ไม่มีจริง” โดยระบุว่า ตามที่มีผู้ไม่หวังดีหรือมิจฉาชีพออกข่าวหลอกลวงประชาชนซึ่งแพร่หลายในสื่อสังคมออนไลน์โดยเฉพาะ LINE Open Chat (โอเพนแชท) อย่างกว้างขวาง เป็นประเด็นการออกใบกระจายเงินพิเศษ จ่ายเงินให้ประชาชนรายชื่อละหลักล้านบาท ปลอดภาษี ชำระหนี้ให้ศูนย์ (ล้างหนี้ให้)
โดยมีการกล่าวอ้างและปลอมแปลงหลักฐานว่า ได้รับการรับรองจากกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย รวมถึงประเด็นที่กล่าวอ้างว่าธนาคารโลก (World Bank) จะมีการปรับปรุงระบบการเงินโลก (Reset) อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างๆ ทั่วโลกในเรต 1:1 และยกเลิกบัตรบัตรเครดิต การจำนอง การล้างหนี้ โดยระบุว่ามีประเทศต่างๆ ทั่วโลกรวมตัวกันอย่างลับๆ เพื่อสนับสนุนการสร้างระบบหรือกองทุนที่เรียกว่า Gesara นี้ โดยโน้มน้าวให้ประชาชนมาร่วมลงทุนกับระบบดังกล่าว
กระทรวงการคลังขอเรียนว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ภาครัฐโดยเฉพาะกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย ไม่เคยมีการดำเนินงานใดเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือกองทุนในลักษณะนี้ เป็นการหลอกลวงประชาชน ขอประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ ทั้งนี้ การลงทุนหลอกลวงลักษณะนี้ เกิดขึ้นมานานแล้ว และที่ผ่านมาผู้หลงเชื่อไม่เคยมีใครได้รับประโยชน์ที่กล่าวอ้าง หรือหากได้รับก็เป็นการหลอกล่อให้เหยื่อตายใจเพื่อลงทุนเพิ่มกับมิจฉาชีพ
โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวด้วยว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังกำลังอยู่ระหว่างการร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อดำเนินคดีกับมิจฉาชีพผู้กระทำผิดและขอให้ประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อและผู้ที่ได้รับผลกระทบได้โปรดรวบรวมหลักฐานและแจ้งความเอาผิดเครือข่ายดังกล่าวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเอาผิด
อย่างไรก็ตาม ประชาชนสามารถสืบค้นข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเงินการคลังได้จากแถลงข่าวของกระทรวงการคลังในเว็บไซต์ www.mof.go.th หรือในเฟซบุ๊ก “สถานีข่าวกระทรวงการคลัง” หรือแถลงข่าวของธนาคารแห่งประเทศไทย www.bot.or.th