“กษิต” ชี้ถก MOU 44 รัฐบาลต้องเดินหน้าเจรจาอย่างโปร่งใส ยึดประโยชน์ต่อประเทศสูงสุด
ข่าวที่น่าสนใจ
เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2567 นายกษิต ภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า สืบเนื่องจากมีประเด็นข้อถกเถียงเกี่ยวกับ MOU 44 กับความเสี่ยงต่อการเสียอธิปไตยพื้นที่บางส่วนของเกาะกูดในสังคมไทย รวมไปถึงการเรียกร้องให้มีการยกเลิก MOU 44
ตามสนธิสัญญาสยามกับฝรั่งเศสเจ้าอาณานิคมเมื่อปี ค.ศ. 1907 (พ.ศ. 2450) เกาะกูดทั้งเกาะนั้นถือเป็นของไทยโดยไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ มาหักล้างได้ และเมื่อปี พ.ศ.2543 รัฐบาลชวน หลีกภัย ได้เจรจากับ รัฐบาลกัมพูชา เกิดเป็น MOU 43 ซึ่งเป็นกรอบการเจรจา เพื่อแก้ไขข้อพิพาทพื้นที่บนบก
หลังจากนั้น รัฐบาลทักษิณ ก็เข้ามาใน พ.ศ.2544 และเจรจา MOU 44 ซึ่งเป็นเรื่องการตกลงกันที่จะเจรจาเรื่องพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล รวมทั้งร่วมสำรวจทรัพยากรธรรมชาติในอ่าวไทย
ทั้งสอง MOU ต่างมีเรื่องการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมเพื่อการเจรจาขึ้นมา อย่างไรก็ตาม เมื่อรัฐบาลอภิสิทธิ์ เข้ามาบริหารประเทศ ก็ได้การยกเลิก MOU ปี 2544 ด้วยมติ ครม. เกิดขึ้น
ในฐานะที่อยู่ร่วมรัฐบาล ก็ขอยืนยันว่า การยกเลิกนั้นมิได้เกี่ยวกับการที่รัฐบาลไม่เห็นด้วยกับสาระเนื้อหาของ MOU ปี 2544 แต่อย่างใด
หากแต่เป็นเรื่องของการแสดงออก ซึ่งความไม่พอใจต่อพฤติกรรมอันไม่เป็นมิตรของรัฐบาลฮุน เซน ที่ไปแต่งตั้งให้ นายทักษิณ ชินวัตร (นักโทษหนีคดีในขณะนั้น) เป็นที่ปรึกษา
อย่างไรก็ตาม มติ ครม. ที่จะล้มเลิก MOU ปี 2544 นั้นยังไปไม่ถึงสุดทางที่รัฐสภา เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเกิดขึ้นเสียก่อน ทำให้เรื่องยกเลิก MOU 44 จึงค้างคาอยู่อย่างนั้น
ซึ่งต่อมา ในรัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ได้แต่งตั้งพลเอประวิตร์ วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการเจรจาข้อพิพาททางทะเลกับฝ่ายกัมพูชา ซึ่งเท่ากับว่าได้ทำการยกเลิกมติ ครม. ของรัฐบาลอภิสิทธิ์ไปโดยปริยาย
และมาบัดนี้ รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ก็อยู่ในระหว่างการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมและแต่งตั้งหัวหน้าเจรจาฝ่ายไทย เพื่อดำเนินการเจรจาต่อ
แน่นอนว่า ด้วยสายสัมพันธ์ระหว่าง นายกทักษิณ และสมเด็จฮุนเซน นั้นเอื้อให้เกิดการเดินหน้าเจรจานี้่ แต่ในทางกลับกัน มันก็ทำให้สังคมไทยแคลงใจว่า จะมีการซิกแซก เอาอธิปไตยไทยไปเสี่ยง เพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันหรือไม่ เช่นกัน
โลกวันนี้ก้าวหน้าไปมาก ข้อมูลข่าวสารสามารถส่งถึงกันได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในเรื่องที่สังคมจับตามองกันอย่างเช่น การดำเนินการเจรจาเรื่องแหล่งพลังงานในอ่าวไทยนี้
ก็ขอเตือนไปยังรัฐบาลว่า จะต้องกระทำการใด ๆ อย่างโปร่งใส และเป็นประโยชน์ต่อประเทศอย่างที่สุด
มิเช่นนั้นแล้ว สถานภาพรัฐบาลที่ง่อนแง่นอยู่แล้ว อาจจะไปไม่รอดได้จากนโยบายนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวล่าสุด
เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น