ท่ามกลางกระแสข่าว จะมีการแจ้งข้อหาทนายตั้มเป็น 4 ข้อหา

1. คดีหลอกให้โอนเงิน โดยอ้างว่าเป็นค่าทำสลากออนไลน์ 71 ล้านบาท

2. คดีที่ทนายตั้มแนะนำเพื่อนให้พี่อ้อยรู้จัก แล้วอ้างว่ากระเป๋าเงินดิจิทัลของเพื่อนได้รับความเสียหาย จากทรัพย์สินในกระเป๋าเงินมีมูลค่า 39 ล้านบาท เพราะทำธุรกรรมให้พี่อ้อย จึงถูกระงับบัญชีและไม่สามารถเปิดได้อีกเลย นำไปแจ้งความวันที่ 23 พฤษภาคม 2566 พี่อ้อยหลงเชื่อจึงโอนเงินให้ไป 39 ล้านบาท วันที่ 25 พฤษภาคม 2566

3. คดีที่ให้เงินทนายตั้มไป 13 ล้านบาท แต่จ่ายเงินจริงไม่ถึง ถูกแจ้งความดำเนินคดีเสียหาย 1.5 ล้านบาท

4. คดีจ้างออกแบบโรงแรม 9 ล้านบาท มูลค่าจริง 3.5 ล้านบาท

5 พ.ย.67 ทนายตั้ม มากองปราบแจงปมโกง 71 ล้าน เผยมีตำรวจไปเฝ้าที่บ้าน ยันอยู่บ้านตลอด ไม่ได้ไปไหน ส่วนปมเงิน 71 ล้านบาท เป็นเงินที่ได้โดยเสน่หา ได้รับโดยไม่มีสัญญาผูกมัดผูกพัน

ทนายตั้มยังได้ชี้แจงปมเงิน 39 ล้านบาท ว่า เจ๊อ้อยได้ไปกดไลก์ไอจี “เฉินคุน” ซึ่งเป็นดาราจีนคนหนึ่ง จนอยากว่าจ้างให้มาหาที่ไทย แต่พอทนายตั้มตรวจสอบพบว่าไม่ใช่เฉินคุนตัวจริง แต่เป็นสแกมเมอร์ แต่เจ๊อ้อยยืนยันจะให้โอนเงิน ทนายตั้มจึงให้น้องที่รู้จักกันชื่อ “นุ” ดำเนินการให้ โดยเมื่อโอนเงินให้อีกฝ่ายไปแล้ว อีกฝ่ายกลับไม่ยอมมา

ส่วนเรื่องค่าออกแบบต่าง ๆ นั้น ยืนยันไม่ใช่การฉ้อโกง เมื่อตนรับงานมา ก็ทำใบเสนอราคา และส่งมอบงานทุกโครงการตามสัญญาครบถ้วน

7 พ.ย.67

เวลา 09.00 น. ทนายตั้มขับรถออกจากหมู่บ้านย่านตลิ่งชัน พร้อมภรรยา มุ่งหน้าไป จ.สระแก้ว

เวลา 12.00 น. ศาลอนุมัติหมายจับ ทนายตั้มและภรรยา + ตำรวจตามไปคุมตัวทนายตั้มและภรรยา ได้ที่กลางถนน จ.ฉะเชิงเทรา

เวลา 13.45 น. คุมตัวทนายตั้ม และภรรยา มาที่กองปราบปราม

ล่าสุดวันนี้ ( 7 พ.ย.) มีรายงานว่า นายสมชาติ พินิจอักษร หรือ ทนายความส่วนตัวมาดามอ้อย กล่าววว่า ขณะนี้ลูกความของตนเอง กำลังพักผ่อนอยู่ที่ปากช่อง หลังทนายตั้มถูกจับกุมตนได้โทรศัพท์ไปหาเจ๊อ้อย ซึ่งเจ้าตัวตอบกลับมาว่า “รู้ข่าวจากโทรทัศน์แล้ว”

เมื่อถามต่อว่าเป็นอย่างไรบ้าง เจ๊อ้อย ก็ได้รับคำตอบว่า เรื่อยๆ ส่วนข้อหาที่ทนายตั้มโดน ก็เป็นไปตามที่พนักงานสอบสวนรวบรวมหลักฐานไว้ ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน ทั้งนี้ทีมทนายความไม่ได้หนักใจพร้อมทำงานเต็มที่